Barely believable explanations have been provided for each of these strange animal deaths.
What is the probability of these deaths, which all occurred in less than a week, being caused by different phenomena (cold, rain, disease, fireworks, etc)? Almost impossible. What is the probability of these deaths being caused by a single, secret cause
(ie HAARP experiment)?
A lot more likely. Would this secret cause be at the origin of the vague, almost irrational explanations provided by public officials? Guess we have to stay tuned for that.
http://vigilantcitizen.com/?p=6211
http://www.alaska.net/~logjam/HAARP.html
http://www.abovetopsecret.com/forum/thread672616/pg1
http://www.haarp.alaska.edu/
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t834-50.htm
http://bbs.gnv3.net/thread-148853-1-1.html
โครงการ Project Blue Beam อาวุธควบคุมธรรมชาติ HARRP
--------------------------------------------------------------------------
เขียนโดย tongdang
จาก http://thaipx2012.blogspot.com
ธรรมชาติ***เกิดจากทฤษฎีโลกร้อนจริงหรือ?
ผู้ คนทั่วไปมักเชื่อคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่า ความผิดปกติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มีต้นตอมาจากการเผาผลาญพลังงานฟอสซิลและทำให้เกิดกาซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบกับการปล่อยสารซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซน ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกจนอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าคำอธิบายข้างต้นหาได้เป็นที่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ในวงการวิทยาศาสตร์ไม่ ตรงกันข้ามยังมีการโต้แย้งกัน ถึงข้อบกพร่องในทฤษฎีเรือนกระจกและทฤษฏีโลกร้อน ตลอดมา ทฤษฎีเรือนกระจกนั้นข้อบกพร่องอยู่ที่ เหตุใดรูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลก จึงไม่เกิดขึ้นเหนือพื้นที่ที่มีสถิติการปล่อยสารซีเอฟซี เป็นจำนวนมากอาทิเช่น เหนือเมืองใหญ่และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ แต่กลับไปเกิดขึ้นยังบริเวณขั้วโลกทั้งสองด้าน ทั้งนี้ ทีมวิจัยของอังกฤษได้รายงานเมื่อปลายปีที่แล้วว่า ชั้นโอโซนในบริเวณขั้วโลกใต้ มีปริมาณโอโซนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง 10%ในส่วนของทฤษฎีโลกร้อนนั้น ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ที่บริเวณผิวพื้นโลกและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศระดับล่างและ กลาง ในช่วง 20 ปีมานี้ พิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้ผิดพลาด เนื่องจากพบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้อุณหภูมิที่ผิวพื้นโลกสูงขึ้นจริง แต่อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากทฤษฎีโลกร้อนถูกต้องแล้วอุณหภูมิทั้งสองบริเวณนี้จะต้องสูงขึ้นเช่น เดียวกัน
อะไรที่ชี้ว่าเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศมีจริง
หลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด อยู่ที่การยอมรับเกี่ยวกับเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศ
ของบุคคลสำคัญสถาบันและองค์กรชั้นนำระดับโลกต่างๆ อาทิเช่น
เอกสารชื่อ "กองทัพอากาศสหรัฐ 2025" ที่ประกาศใช้ในปี 2539
ได้ระบุเป้าหมายในอนาคตของกองทัพอากาศสหรัฐว่า
"การเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศ จะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคง
ทั้ง ในและระหว่างประเทศและสามารถกระทำได้แบบเอกภาคี... มันเป็นไปได้ทั้งเชิงการรุกและรับหรือกระทั่งในการข่มขู่ศัตรู...ความสามารถ ในการทำฝน หมอกและพายุหรือเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก... และการสร้างดินฟ้าอากาศต่างๆนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีแบบบูรณาการ ซึ่งสร้างเสริมศักยภาพให้กับสหรัฐหรือลดทอนศักยภาพของศัตรู..." จริงอยู่ที่ข้อความข้างต้นนี้เป็นเพียงเป้าในอนาคต แต่ก็หมายถึงว่า ก่อนหน้าการประกาศ สหรัฐได้ทำเริ่มลงทุนพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีการควบคุมดินฟ้าอากาศ เป็นประจำมาเป็นเวลาช้านาน จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าสามารบรรลุภาระกิจที่ตั้งไว้ได้ ปี2539 สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานคำพูดของนายวิเลียม โคเฮน
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่กล่าวถึงการก่อการร้าย
ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย ตอนหนึ่งมีใจความว่า
"การป้องกันเกี่ยวกับอาวุธที่ไม่ธรรมดา
เพราะ ตลอดมาพวกเขามีศักยภาพเพียงการลอกเลียน และประยุกต์อาวุธขึ้นจากเทคโนโลยี ที่มีบรรดาประเทศมหาอำนาจได้ค้นคิดพัฒนาและใช้การได้จริงแล้วทั้งสิ้น ปี2544 วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอนาย เดนิส คูชินิชได้ เสนอร่างกฎหมายเลขที่HR2977 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธในอวกาศ ตอนหนึ่งของร่างนี้กล่าวถึง "อาวุธทางภูมิอากาศหรืออาวุธทางรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน"เป็นไปได้หรือ ที่ผู้ที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐ จะกล้าเสนอกฎหมายนี้หากปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้
นอกจากบุกคลสำคัญและ องค์กรของสหรัฐเองจะกล่าวถึงการพัฒนาและทดลอง อาวุธที่เปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศแล้ว บุคคลสำคัญและองค์กรในระดับโลกต่างๆก็ได้เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ อาวุธนี้ด้วย ที่ประชุมใหญ่องค์กรสหประชาชาติประจำปี 2540ได้มีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศเพื่อการทหารและการรุกรานที่สร้างผลกระทบที่กว้าง ขวาง ยาวนานและรุนแรง" ทั้งนี้นิยามของ "เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ" หมายถึง "เทคโนโลยีที่จงใจเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธรรมชาติ การเคลื่อนไหว องค์ประกอบ โครงสร้างของโลกรวมถึงชั้นบรรยากาศต่างๆหรืออวกาศ" หลักฐานที่ชี้ถึงแสนยานุภาพของฮาร์พ ในปี 2546 สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึงสี่คณะของสภาสูงสุดรัสเซียหรือสภาดูม่า และสมาชิกสภาทั้งหมด 90 ท่าน ได้ร่วมกันลงชื่อในรายงานเสนอต่อประธานาธิบดีวลาดีเมียปูติน องค์กรสหประชาชาติและประเทศสมาชิก องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ผู้นำและรัฐสภาทุกประเทศ องค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและสื่อมวลชนชั้นนำของโลก เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลกมีมติห้ามสหรัฐทดลองอาวุธที่มีแสนยานุภาพสูงนี้ ในรายงานนี้ปรากฏข้อความดังนี้ "ภายใต้โครงการฮา ร์พ สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพล ต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง""แสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลงจาก อาวุธมีคมสู่อาวุธปืน หรือจากอาวุธธรรมดาสู่อาวุธนิวเคลียร์" รายงานนี้ยังระบุอีกว่าสหรัฐกำลังสร้างอาวุธฮาร์พนี้ในพื้นที่สามแห่ง
องค์กร อิสระนานาชาติ เข้าไปตรวจสอบโครงการฮาร์พ อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐสภายุโรปร่างสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยผล กระทบต่อสภาพแวดล้อมจากกิจกรรมทางการทหารอีกด้วยทั้งนี้ สหรัฐประกาศว่า ปัจจุบันโครงการฮาร์พกำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี 2549(ปัจจุบัน แน่นอนคงใช้ได้อย่างเต็มที่แล้ว)สรุป ในวันนี้คงไม่มีประโยชน์อันใด ที่จะพยายามติดตามค้นหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุของ***ทางธรรมชาติที่กำลังเกิด ขึ้นกับโลกใบนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของธรรมชาติ หรือฝั่งที่เชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า มวลมนุษยชาติกำลังจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงในอนาคตอันใกล้นี้แต่ แน่นอนการคาดการณ์ของพวกเขาอาจะผิดก็ได้ สิ่งที่สังคมไทยน่าจะพิจารณาก็คือ
ในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้ที่สังคมไทย
จะต้องเผชิญกับมหันตภัยทาง ธรรมชาติต่างๆ
ที่รุนแรงและใหญ่หลวงเสียยิ่งกว่าคลื่นยักษ์สึนามิ
ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
การคิดแต่เพียงการต่อสู้ทางการเมือง
จึงไม่เพียงพอเสียแล้ว เพื่อไม่ประมาท
เราควรต้องเริ่มคิดอ่านเตรียมการ
เพื่อความอยู่รอดของพวกเรากันเองด้วย
http://www.examiner.com/exopolitics-in-seattle/two-researchers-attribute-norway-light-to-haarp-anti-et-space-based-weapon-of-mass-destruction
HAARP and the Norwegian spiral light
According to Mr. Wilcock, the Dec. 9, 09 Norway spiral light is similar to other spiral lights in Russia in 2006, and in China (first seen in April 2009) that may be attributed to the HAARP technology.
Mr. Wilcock states that the plasma effects exhibited by the Norway light were too dense to have been produced by a failed Russian missile. He reiterates that HAARP is most probably the cause of the spiral lights.
Researcher Richard Hoagland notes that “just over the hill from Tromso [where the spiral light appeared], lies a high-tech Norwegian ‘HAARP antenna farm’ -- the EISCAT Ramfjordmoen facility -- specifically designed to broadcast powerful beams of microwave energy high into space ... thereby also creating blatant HD/torsion side-effects in the Earth's highly-electrified upper "plasma" atmosphere (ionosphere)?
The facility is officially supported by
Norway, Sweden, Finland, Japan ...
Although Mr. Hoagland in his analysis implies that the Norway light may have been a warning to President Barack Obama by the controllers of HAARP, the more likely scenario is that Mr. Obama now works in collaboration with the controllers of HAARP to use HAARP in the service of the implementation of a corporate new world order worldwide.
I am going to give the observations of myself and JM. Disclaimer…I am not a scientist at all, I am merely offering opinions of JM Ashley and myself.
One of the first things that I noticed was the energy was terribly off. My left ear started ringing as soon as we entered the vicinity of the dead birds. The birds that were alive were behaving strangely. They did not fly much more than a few feet off the ground, and a few groups were flying in circles. The people looked freaked out. When we got to the location with the birds, at first we only saw one on the street. It had physical injuries, BUT it was possibly run over by a car or something. This was very close to a construction site.
One thing to be observed is that the location is very close to the Little Rock Air Force Base. Whether this has anything to with it, I don’t know, merely an observation. There were plenty of military planes flying overhead on our visit.
As we got closer to the construction field, we observed many more birds. Hundreds. I don’t know if the cleanup people missed this or not, but there were plenty withing sight.
Our observations: other than the bird in the road, none of the birds had any recognizable injuries. They were in good condition, cadaver-wise. What is strange is the condition of the bodies. They were not in decay, which means these birds have something terribly wrong OR it happened not on New Years, but in the past couple of days.
JM procured one of the cadavers for further independent testing and observation.
It is our opinion that this was something electromagnetic. Something caused these birds to die, and they didn’t bump into each other (no evidence of physical injuries) and we do not believe it was fireworks. This is an area where there is a lot of shooting, so if noises startled the birds, this would be a most unusual occurrence. There are fireworks every year in Beebe; why would this occur now?
http://pseudoccultmedia.blogspot.com/2008/08/illumimusic-katy-perry.html
The official explanation is that is was “likely” fireworks. Now, they cannot say that with 100% certainty, but this is their explanation. We don’t buy it.
We took videos and photos. We will be uploading the videos later on today. I will provide the links on this blog.
Read comments from other Arkansans in the newspapers. NOBODY believes the official stories.
More to be posted later today. Thank you for reading.
http://heidilore.wordpress.com/2011/01/06/bird-strangeness-in-beebe-arkansas/
Helium
NASA has been warning about it…scientific papers have been written about it…geologists have seen its traces in rock strata and ice core samples…
Now "it" is here: an unstoppable magnetic pole shift that has sped up and is causing life-threatening havoc with the world's weather.
Forget about global warming—man-made or natural—what drives planetary weather patterns is the climate and what drives the climate is the sun's magnetosphere and its electromagnetic interaction with a planet's own magnetic field.
When the field shifts, when it fluctuates, when it goes into flux and begins to become unstable anything can happen. And what normally happens is that all hell breaks loose.
What is the probability of these deaths, which all occurred in less than a week, being caused by different phenomena (cold, rain, disease, fireworks, etc)? Almost impossible. What is the probability of these deaths being caused by a single, secret cause
(ie HAARP experiment)?
A lot more likely. Would this secret cause be at the origin of the vague, almost irrational explanations provided by public officials? Guess we have to stay tuned for that.
http://vigilantcitizen.com/?p=6211
http://www.alaska.net/~logjam/HAARP.html
http://www.abovetopsecret.com/forum/thread672616/pg1
http://www.haarp.alaska.edu/
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t834-50.htm
http://bbs.gnv3.net/thread-148853-1-1.html
โครงการ Project Blue Beam อาวุธควบคุมธรรมชาติ HARRP
--------------------------------------------------------------------------
เขียนโดย tongdang
จาก http://thaipx2012.blogspot.com
ธรรมชาติ***เกิดจากทฤษฎีโลกร้อนจริงหรือ?
ผู้ คนทั่วไปมักเชื่อคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่า ความผิดปกติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มีต้นตอมาจากการเผาผลาญพลังงานฟอสซิลและทำให้เกิดกาซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบกับการปล่อยสารซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซน ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกจนอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าคำอธิบายข้างต้นหาได้เป็นที่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ในวงการวิทยาศาสตร์ไม่ ตรงกันข้ามยังมีการโต้แย้งกัน ถึงข้อบกพร่องในทฤษฎีเรือนกระจกและทฤษฏีโลกร้อน ตลอดมา ทฤษฎีเรือนกระจกนั้นข้อบกพร่องอยู่ที่ เหตุใดรูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลก จึงไม่เกิดขึ้นเหนือพื้นที่ที่มีสถิติการปล่อยสารซีเอฟซี เป็นจำนวนมากอาทิเช่น เหนือเมืองใหญ่และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ แต่กลับไปเกิดขึ้นยังบริเวณขั้วโลกทั้งสองด้าน ทั้งนี้ ทีมวิจัยของอังกฤษได้รายงานเมื่อปลายปีที่แล้วว่า ชั้นโอโซนในบริเวณขั้วโลกใต้ มีปริมาณโอโซนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง 10%ในส่วนของทฤษฎีโลกร้อนนั้น ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ที่บริเวณผิวพื้นโลกและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศระดับล่างและ กลาง ในช่วง 20 ปีมานี้ พิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้ผิดพลาด เนื่องจากพบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้อุณหภูมิที่ผิวพื้นโลกสูงขึ้นจริง แต่อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากทฤษฎีโลกร้อนถูกต้องแล้วอุณหภูมิทั้งสองบริเวณนี้จะต้องสูงขึ้นเช่น เดียวกัน
อะไรที่ชี้ว่าเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศมีจริง
หลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด อยู่ที่การยอมรับเกี่ยวกับเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศ
ของบุคคลสำคัญสถาบันและองค์กรชั้นนำระดับโลกต่างๆ อาทิเช่น
เอกสารชื่อ "กองทัพอากาศสหรัฐ 2025" ที่ประกาศใช้ในปี 2539
ได้ระบุเป้าหมายในอนาคตของกองทัพอากาศสหรัฐว่า
"การเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศ จะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคง
ทั้ง ในและระหว่างประเทศและสามารถกระทำได้แบบเอกภาคี... มันเป็นไปได้ทั้งเชิงการรุกและรับหรือกระทั่งในการข่มขู่ศัตรู...ความสามารถ ในการทำฝน หมอกและพายุหรือเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก... และการสร้างดินฟ้าอากาศต่างๆนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีแบบบูรณาการ ซึ่งสร้างเสริมศักยภาพให้กับสหรัฐหรือลดทอนศักยภาพของศัตรู..." จริงอยู่ที่ข้อความข้างต้นนี้เป็นเพียงเป้าในอนาคต แต่ก็หมายถึงว่า ก่อนหน้าการประกาศ สหรัฐได้ทำเริ่มลงทุนพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีการควบคุมดินฟ้าอากาศ เป็นประจำมาเป็นเวลาช้านาน จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าสามารบรรลุภาระกิจที่ตั้งไว้ได้ ปี2539 สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานคำพูดของนายวิเลียม โคเฮน
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่กล่าวถึงการก่อการร้าย
ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย ตอนหนึ่งมีใจความว่า
"การป้องกันเกี่ยวกับอาวุธที่ไม่ธรรมดา
จะต้องเพิ่มมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย
พัฒนาอาวุธเคมีและเชื้อโรค และ
กรรมวิธีทางพลังงานแม่เหล็กที่สามารถ
เปิดรูโหว่ ในชั้นโอโซน หรือ กระตุ้น
ให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดได้"
เป็นไปได้หรือที่กลุ่มผู้ก่อการร้าย
จะสามารถค้นคิดอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ?
เพราะ ตลอดมาพวกเขามีศักยภาพเพียงการลอกเลียน และประยุกต์อาวุธขึ้นจากเทคโนโลยี ที่มีบรรดาประเทศมหาอำนาจได้ค้นคิดพัฒนาและใช้การได้จริงแล้วทั้งสิ้น ปี2544 วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอนาย เดนิส คูชินิชได้ เสนอร่างกฎหมายเลขที่HR2977 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธในอวกาศ ตอนหนึ่งของร่างนี้กล่าวถึง "อาวุธทางภูมิอากาศหรืออาวุธทางรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน"เป็นไปได้หรือ ที่ผู้ที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐ จะกล้าเสนอกฎหมายนี้หากปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้
นอกจากบุกคลสำคัญและ องค์กรของสหรัฐเองจะกล่าวถึงการพัฒนาและทดลอง อาวุธที่เปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศแล้ว บุคคลสำคัญและองค์กรในระดับโลกต่างๆก็ได้เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ อาวุธนี้ด้วย ที่ประชุมใหญ่องค์กรสหประชาชาติประจำปี 2540ได้มีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศเพื่อการทหารและการรุกรานที่สร้างผลกระทบที่กว้าง ขวาง ยาวนานและรุนแรง" ทั้งนี้นิยามของ "เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ" หมายถึง "เทคโนโลยีที่จงใจเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธรรมชาติ การเคลื่อนไหว องค์ประกอบ โครงสร้างของโลกรวมถึงชั้นบรรยากาศต่างๆหรืออวกาศ" หลักฐานที่ชี้ถึงแสนยานุภาพของฮาร์พ ในปี 2546 สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึงสี่คณะของสภาสูงสุดรัสเซียหรือสภาดูม่า และสมาชิกสภาทั้งหมด 90 ท่าน ได้ร่วมกันลงชื่อในรายงานเสนอต่อประธานาธิบดีวลาดีเมียปูติน องค์กรสหประชาชาติและประเทศสมาชิก องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ผู้นำและรัฐสภาทุกประเทศ องค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและสื่อมวลชนชั้นนำของโลก เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลกมีมติห้ามสหรัฐทดลองอาวุธที่มีแสนยานุภาพสูงนี้ ในรายงานนี้ปรากฏข้อความดังนี้ "ภายใต้โครงการฮา ร์พ สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพล ต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง""แสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลงจาก อาวุธมีคมสู่อาวุธปืน หรือจากอาวุธธรรมดาสู่อาวุธนิวเคลียร์" รายงานนี้ยังระบุอีกว่าสหรัฐกำลังสร้างอาวุธฮาร์พนี้ในพื้นที่สามแห่ง
แห่งแรกที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา
แห่งที่สองที่กรีนแลนด์และ
ที่สามในประเทศนอร์เว
ทั้ง นี้สหรัฐเตรียมที่จะเริ่มทดลองอย่างเต็มที่ได้ตั้งแต่ต้นปี 2546 "เมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศจาก อลาสก้า นอร์เวและกรีนแลนด์ ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายพร้อมกับอานุภาพอันมหัศจรรย์ จะนำไปสู่ความสามารถอันแท้จริงในควบคุมชั้นบรรยากาศใกล้โลก"รายงานของสภาดู ม่าสรุปก่อนหน้านี้ในปี 2541 คณะกรรมมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงและนโยบายการทางทหาร ก็ได้เคยร้องเรียนต่อรัฐสภาสหภาพยุโรป จากกรณีที่สหรัฐปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ในการเปิดเผยข้อมูลและอนุญาตให้องค์กร อิสระนานาชาติ เข้าไปตรวจสอบโครงการฮาร์พ อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐสภายุโรปร่างสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยผล กระทบต่อสภาพแวดล้อมจากกิจกรรมทางการทหารอีกด้วยทั้งนี้ สหรัฐประกาศว่า ปัจจุบันโครงการฮาร์พกำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี 2549(ปัจจุบัน แน่นอนคงใช้ได้อย่างเต็มที่แล้ว)สรุป ในวันนี้คงไม่มีประโยชน์อันใด ที่จะพยายามติดตามค้นหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุของ***ทางธรรมชาติที่กำลังเกิด ขึ้นกับโลกใบนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของธรรมชาติ หรือฝั่งที่เชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า มวลมนุษยชาติกำลังจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงในอนาคตอันใกล้นี้แต่ แน่นอนการคาดการณ์ของพวกเขาอาจะผิดก็ได้ สิ่งที่สังคมไทยน่าจะพิจารณาก็คือ
ในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้ที่สังคมไทย
จะต้องเผชิญกับมหันตภัยทาง ธรรมชาติต่างๆ
ที่รุนแรงและใหญ่หลวงเสียยิ่งกว่าคลื่นยักษ์สึนามิ
ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ทว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
โอกาสที่ประชาชนคนไทยจะต่อสู้จนได้รัฐบาลที่ดีพอ
ที่เรียกได้ว่าพวกเขาคือตัว แทนของพวกเรานั้น
แทบเป็นไปไม่ได้เลย และต่อให้ความฝันนี้เป็นจริงพวกเขาก็มิอาจปกป้องช่วยเหลือพวกเราจาก
ภัยพิบัติต่างๆเหล่านี้ได้เลย ฉะนั้นวันนี้ การคิดแต่เพียงการต่อสู้ทางการเมือง
จึงไม่เพียงพอเสียแล้ว เพื่อไม่ประมาท
เราควรต้องเริ่มคิดอ่านเตรียมการ
เพื่อความอยู่รอดของพวกเรากันเองด้วย
http://www.examiner.com/exopolitics-in-seattle/two-researchers-attribute-norway-light-to-haarp-anti-et-space-based-weapon-of-mass-destruction
Two researchers attribute Norway light to HAARP,
anti-ET space-based weapon of mass destruction
AP: Nov. 9, 09 spiral light at Tromso, Norway
HAARP and the Norwegian spiral light
According to Mr. Wilcock, the Dec. 9, 09 Norway spiral light is similar to other spiral lights in Russia in 2006, and in China (first seen in April 2009) that may be attributed to the HAARP technology.
Mr. Wilcock states that the plasma effects exhibited by the Norway light were too dense to have been produced by a failed Russian missile. He reiterates that HAARP is most probably the cause of the spiral lights.
Researcher Richard Hoagland notes that “just over the hill from Tromso [where the spiral light appeared], lies a high-tech Norwegian ‘HAARP antenna farm’ -- the EISCAT Ramfjordmoen facility -- specifically designed to broadcast powerful beams of microwave energy high into space ... thereby also creating blatant HD/torsion side-effects in the Earth's highly-electrified upper "plasma" atmosphere (ionosphere)?
The facility is officially supported by
Norway, Sweden, Finland, Japan ...
China ... the United Kingdom ...
and Germany.”
Although Mr. Hoagland in his analysis implies that the Norway light may have been a warning to President Barack Obama by the controllers of HAARP, the more likely scenario is that Mr. Obama now works in collaboration with the controllers of HAARP to use HAARP in the service of the implementation of a corporate new world order worldwide.
EISCAT: Norway torsion map
Tromsø 224 MHz Very High Frequency Radar [facts]
We have also a heating facility and a Dynasonde
We have also a heating facility and a Dynasonde
Bird Strangeness in Beebe, Arkansas
Okay, so JM and I decided to take a trip out to Beebe yesterday to see what is going on with the birds. This is not a far trip or anything…fairly close, actually. This makes us pretty nervous. First thing we did was stop at a gas station to get an exact location of the birds. The attendant said it feels like the end of the world. The citizens there are very nervous, and nobody trusts the government given the whole earthquakes in Guy thing (another story for another blog post.)I am going to give the observations of myself and JM. Disclaimer…I am not a scientist at all, I am merely offering opinions of JM Ashley and myself.
One of the first things that I noticed was the energy was terribly off. My left ear started ringing as soon as we entered the vicinity of the dead birds. The birds that were alive were behaving strangely. They did not fly much more than a few feet off the ground, and a few groups were flying in circles. The people looked freaked out. When we got to the location with the birds, at first we only saw one on the street. It had physical injuries, BUT it was possibly run over by a car or something. This was very close to a construction site.
One thing to be observed is that the location is very close to the Little Rock Air Force Base. Whether this has anything to with it, I don’t know, merely an observation. There were plenty of military planes flying overhead on our visit.
As we got closer to the construction field, we observed many more birds. Hundreds. I don’t know if the cleanup people missed this or not, but there were plenty withing sight.
Our observations: other than the bird in the road, none of the birds had any recognizable injuries. They were in good condition, cadaver-wise. What is strange is the condition of the bodies. They were not in decay, which means these birds have something terribly wrong OR it happened not on New Years, but in the past couple of days.
JM procured one of the cadavers for further independent testing and observation.
It is our opinion that this was something electromagnetic. Something caused these birds to die, and they didn’t bump into each other (no evidence of physical injuries) and we do not believe it was fireworks. This is an area where there is a lot of shooting, so if noises startled the birds, this would be a most unusual occurrence. There are fireworks every year in Beebe; why would this occur now?
http://pseudoccultmedia.blogspot.com/2008/08/illumimusic-katy-perry.html
The official explanation is that is was “likely” fireworks. Now, they cannot say that with 100% certainty, but this is their explanation. We don’t buy it.
We took videos and photos. We will be uploading the videos later on today. I will provide the links on this blog.
Read comments from other Arkansans in the newspapers. NOBODY believes the official stories.
More to be posted later today. Thank you for reading.
http://heidilore.wordpress.com/2011/01/06/bird-strangeness-in-beebe-arkansas/
http://www.activistpost.com/2011/02/magnetic-polar-shifts-causing-massive.html
Saturday, February 5, 2011
Magnetic polar shifts causing massive global superstorms
Terence AymHelium
NASA has been warning about it…scientific papers have been written about it…geologists have seen its traces in rock strata and ice core samples…
Now "it" is here: an unstoppable magnetic pole shift that has sped up and is causing life-threatening havoc with the world's weather.
Forget about global warming—man-made or natural—what drives planetary weather patterns is the climate and what drives the climate is the sun's magnetosphere and its electromagnetic interaction with a planet's own magnetic field.
When the field shifts, when it fluctuates, when it goes into flux and begins to become unstable anything can happen. And what normally happens is that all hell breaks loose.
Magnetic polar shifts have occurred many times in Earth's history. It's happening again now to every planet in the solar system including Earth.
The magnetic field drives weather to a significant degree and when that field starts migrating superstorms start erupting.
The superstorms have arrived
The first evidence we have that the dangerous superstorm cycle has started is the devastating series of storms that pounded the UK during late 2010.
On the heels of the lashing the British Isles sustained, monster storms began to pummel North America. The latest superstorm—as of this writing—is a monster over the U.S. that stretched across 2,000 miles affecting more than 150 million people.
Yet even as that storm wreaked havoc across the Western, Southern, Midwestern and Northeastern states, another superstorm broke out in the Pacific and closed in on Australia.
The southern continent had already dealt with the disaster of historic superstorm flooding from rains that dropped as much as several feet in a matter of hours. Tens of thousands of homes were damaged or destroyed. After the deluge bull sharks were spotted swimming between houses in what was once the quiet town of Goodna.
The magnetic field drives weather to a significant degree and when that field starts migrating superstorms start erupting.
The superstorms have arrived
The first evidence we have that the dangerous superstorm cycle has started is the devastating series of storms that pounded the UK during late 2010.
On the heels of the lashing the British Isles sustained, monster storms began to pummel North America. The latest superstorm—as of this writing—is a monster over the U.S. that stretched across 2,000 miles affecting more than 150 million people.
Yet even as that storm wreaked havoc across the Western, Southern, Midwestern and Northeastern states, another superstorm broke out in the Pacific and closed in on Australia.
The southern continent had already dealt with the disaster of historic superstorm flooding from rains that dropped as much as several feet in a matter of hours. Tens of thousands of homes were damaged or destroyed. After the deluge bull sharks were spotted swimming between houses in what was once the quiet town of Goodna.
Shocked authorities now numbly concede that some of the water may never dissipate and have wearily resigned themselves to the possibility that region will now contain a small inland sea.
But then only a handful of weeks later another superstorm—the mega-monster cyclone Yasi—struck northeastern Australia. The damage it left in its wake is being called by rescue workers a war zone.
The incredible superstorm packed winds near 190mph. Although labeled as a category-5 cyclone, it was theoretically a category-6. The reason for that is storms with winds of 155mph are considered category-5, yet Yasi was almost 22 percent stronger than that.
A cat's cradle
Yet Yasi may only be a foretaste of future superstorms. Some climate researchers, monitoring the rapidly shifting magnetic field, are predicting superstorms in the future with winds as high as 300 to 400mph.
Such storms would totally destroy anything they came into contact with on land.
MUST Read Full Article Here
RELATED ARTICLE:
8 Strange Earth Changes That May Threaten Civilization
http://sohowww.nascom.nasa.gov/
http://lasco-www.nrl.navy.mil/javagif/latest_img.html
http://soho.esac.esa.int/data/realtime-images.html
เตือนโลกเตรียมพร้อมเผชิญพา ยุสุริยะโจมตีครั้งใหญ่สุด
But then only a handful of weeks later another superstorm—the mega-monster cyclone Yasi—struck northeastern Australia. The damage it left in its wake is being called by rescue workers a war zone.
The incredible superstorm packed winds near 190mph. Although labeled as a category-5 cyclone, it was theoretically a category-6. The reason for that is storms with winds of 155mph are considered category-5, yet Yasi was almost 22 percent stronger than that.
A cat's cradle
Yet Yasi may only be a foretaste of future superstorms. Some climate researchers, monitoring the rapidly shifting magnetic field, are predicting superstorms in the future with winds as high as 300 to 400mph.
Such storms would totally destroy anything they came into contact with on land.
MUST Read Full Article Here
RELATED ARTICLE:
8 Strange Earth Changes That May Threaten Civilization
http://sohowww.nascom.nasa.gov/
http://lasco-www.nrl.navy.mil/javagif/latest_img.html
http://soho.esac.esa.int/data/realtime-images.html
เตือนโลกเตรียมพร้อมเผชิญพา
ใ นประวัติศาสตร์ ดับระบบไฟฟ้าได้นับเดือน
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 12:20:50 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเ มื่อวันที่ 22 ธ.ค.ว่า ผู้เชี่ยวชาญนักดาราศาสตร์ไ ด้กล่าวต่อสมาคมความก้าวหน้ าด้...านวิทยาศาสตร์ระบุ ว่า โลกจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่จะโจ มตี เนื่องจากพายุสุริยะครั้งนี ้ถือเป็นพายุสุริยะที่มีแรง โจมตีรุนแรงที่สุด สามารถเขย่าโจมตีตลาดหุ้นต่ างๆ และทำลายระบบไฟฟ้า กินเวลายาวนานนับสัปดาห์หรื อนับเดือน รวมทั้งสามารถดับระบบดาวเที ยมสื่อสาร ป่วนคลื่นสัญญาณทำให้เครื่อ งบินไม่สามารถให้บริการบินไ ด้ และทำให้หลายพื้นที่เกิดภาว ะไฟฟ้าดับ สาเหตุที่พายุสุริยะมีอานุภ าพร้ายแรงดังกล่าวเนื่องจาก ดวงอาทิตย์อยู่ในช่วง ปล่อยพายุสุริยะที่เข้นข้นท ี่สุดในรอบ 11-12 ปี
รายงานระบุว่า กลุ่มนักดาราศาสตร์ ได้เตือนว่า ภัยพายุสุริยะครั้งนี้จะมีค วามรุนแรงเท่ากับพายุแคทรีน าถล่มสหรัฐ โดยการปะทุของแรงระเบิดของด วงอาทิตย์ สามารถปล่อยคลื่นรังสีที่สา มารถส่งผลกระทบต่อโลก และจะกระทบต่อดาวเทียมที่ใช ้ในงานคอมพิวเตอร์ ดาวเทียมนำวิถีสายการบิน และเครือข่ายโทรศัพท์
พายุสุริยะ จะปล่อยปะทุพลังงานออกมาภาย หลังการส่งคลื่นลำแสงเอ็กซ์ เรย์และรังสีอัลตร้า ไวโอเลต เข้าสู่โลกภายในเวลาไม่กี่น าที และจากนั้นอีก 15-30 ชม.พายุจะขับปล่อยพลาสม่าอา นุภาพแรงที่สามารรถชนปะทะกั บสนามแม่เหล็กโลกด้วย พลาสม่าดังกล่าวจะก่อให้เกิ ดรังสีที่สามารถกระทบต่อคลื ่นไฟฟ้าและสายไฟฟ้า ด้วย ทั้งนี้ ดวงอาทิตย์จะมีการขับปล่อยพ ายุสุริยะเฉลี่ย 11 ปี ต่อครั้ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1298349109&grpid=00&catid&subcatid
http://www.tmd.go.th/earthquake_report.php
especially the number "11".
Therefore, Hurricane Katrina carried a significant,
along with the New Messiah,
ซึ่ง จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมอนุรักษ์ธรรมชาติ เผยว่า การตายหมู่ดังกล่าวอาจจะมีสาเหตุมาจากพวกมันอาจจะว่ายพลัดหลงมาเกยหาด ประกอบกับน้ำทะเลมีกำลงลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จึงไม่สามารถที่จะทำให้ไม่สามารถว่ายกลับลงน้ำทะเลได้จึงทำให้พวกมันเสีย ชีวิต
อีกทั้งบริเวณดังกล่าวมักจะพบว่ามีวาฬขึ้นมานอนเกย ตื้นตายบ่อย ครั้งมาก โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีวาฬ 14 ตัวก็ขึ้นมาเกยตื้นตายบนหาดใกล้เมืองเนลสัน แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะใต้ และอีก 24 ตัวใกล้กับแหลมเรนกา ทางตอนเหนือของประเทศ
ขณะ ที่นักวิทยา ศาสตร์ ยังมืดแปดด้านไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดวาฬนำร่องเหล่านั้นจึงขึ้นมาเกยตื้นเอง อย่างไรก็ตามการตายของมันอาจจะเป็นสัญญานเตือนของภัยพิบัติก็เป็นได้
หลัง จากเมื่อช่วงเวลา12.51น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริคเตอร์ ขึ้นในไครสต์เชิร์ช เมืองใหญ่อันดับสองของนิวซีแลนด์ ทำให้มีตึกพังถล่มหลายแก่ง และเจ้าหน้าที่ต่างต้องสั่งเร่งอพยพประชาชนเป็นการด่วนหวั่นเกิดอันตรายถึง ชีวิต
TVNewZealand | February 21, 2011 | 337 likes, 31 dislikes
A Magnitude 6.3 Earthquake has hit Christchurch, New Zealand, at a depth of 5 km and centred 10 km south-east of the city. There are reports of major damage to buildings and infr...astructure.
Major Earthquake has hit Christchurch, New Zealand
6 นาที - 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อัปโหลดโดย TVNewZealand
youtube.com
http://www.guardian.co.uk/world/2011/feb/22/earthquake-christchurch-new-zealand
# Associated Press
# guardian.co.uk, Tuesday 22 February 2011 00.52 GMT
A strong 6.3-magnitude earthquake has struck the city of Christchurch on New Zealand's South Island, seriously injuring people and damaging buildings throughout the city.
Video footage showed damaged buildings throughout the city centre, with bricks and shattered concrete strewn across the pavement. Hundreds of dazed, screaming and crying residents wandered through the streets as sirens blared throughout the city.
Christchurch Mayor Bob Parker said he was on the top floor of the city council building when the quake hit, throwing him across the room.
"I got down onto the street and there were scenes of great confusion, a lot of very upset people," he said. "I know of people in our building who are injured and I've had some reports of serious injuries throughout the city."
Radio New Zealand reported that a church near the city centre collapsed. The station also said staffers in its Christchurch newsroom had to cling to their desks during the shaking, with large filing cabinets toppling over.
"What I can see from where I am in the central city is that there are significant amounts of additional damage," Parker said.
The US Geological Survey said the temblor was centred 3 miles from the city at a depth of 2.5 miles.
Christchurch has been hit by hundreds of aftershocks since a 7.1 magnitude earthquake struck on 4 September last year, causing extensive damage and a handful of injuries, but no deaths.
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 12:20:50 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเ
รายงานระบุว่า กลุ่มนักดาราศาสตร์ ได้เตือนว่า ภัยพายุสุริยะครั้งนี้จะมีค
พายุสุริยะ จะปล่อยปะทุพลังงานออกมาภาย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1298349109&grpid=00&catid&subcatid
http://www.tmd.go.th/earthquake_report.php
แผ่นดินไหว 4.7 ริกเตอร์ที่ลาว ใกล้ภาคเหนือ-อีสานของไทย
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 08:47:51 น.
กรม อุตุนิยมวิทยาของไทยรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ. เวลา 22.53น. ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ทางตอนบนของไทย วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.7ริกเตอร์ ลึกจากระดับผิวดิน40กิโลเมตร เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายแผ่นดินไหวที่ LAOS | |
ขนาด | : 4.7 ริกเตอร์ |
จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว | : LAOS |
วันที่ | : 23 กุมภาพันธ์ 2554 22:53 น. |
ละติจูด | : 18° 55′ 12′′ เหนือ |
ลองจิจูด | : 101° 27′ 00′′ ตะวันออก |
ความลึกจากระดับผิวดิน | : 40 กิโลเมตร |
http://www.facebook.com/?ref=home#!/pages/US-Embassy-Vientiane/82124194915
http://www.facebook.com/?ref=home#!/pages/US-Embassy-to-the-Holy-See-Vatican/155357921154325
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t781.htm
http://www.cuttingedge.org/news/n2069.cfm
http://www.facebook.com/?ref=home#!/pages/US-Embassy-to-the-Holy-See-Vatican/155357921154325
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t781.htm
http://www.cuttingedge.org/news/n2069.cfm
We made this point a year ago about the horrific movie,
"The Day After Tomorrow".
This movie must be taken seriously, for it reflects true thinking
amongst key leaders of today; scientists working for
these leaders have the capability to make the devastation
portrayed actually come true. Likewise, scientists have the capability
to make the scenario of "Oil Storm" come true. If fact, we believe it
likely that the scenario for the movie was created by input from
the scientific community as to what these scientists intended to do
and what our political leaders planned to do in the aftermath.
This storm will likely allow our government to take
Holding of People In Detention Centers.
While we have not seen all these occurring yet, we believe it is possible
all these actions will occur. This scenario has consistently unfolded
as a "worst case" scenario, with no good news.
Therefore, we believe that this hurricane has likely
set in motion the "beginning of the end" events.
Israel is the key, as we have noted on many occasions; she has just finished
her first stage of unilateral withdrawal, and is setting the stage for
the second phase to begin. Since Israel is now getting ready to go to war,
"The Day After Tomorrow".
This movie must be taken seriously, for it reflects true thinking
amongst key leaders of today; scientists working for
these leaders have the capability to make the devastation
portrayed actually come true. Likewise, scientists have the capability
to make the scenario of "Oil Storm" come true. If fact, we believe it
likely that the scenario for the movie was created by input from
the scientific community as to what these scientists intended to do
and what our political leaders planned to do in the aftermath.
This storm will likely allow our government to take
the actions in this region which they eventually plan nationwide:
Martial Law, Suspension of Liberties and Rights, Holding of People In Detention Centers.
While we have not seen all these occurring yet, we believe it is possible
all these actions will occur. This scenario has consistently unfolded
as a "worst case" scenario, with no good news.
Therefore, we believe that this hurricane has likely
set in motion the "beginning of the end" events.
Israel is the key, as we have noted on many occasions; she has just finished
her first stage of unilateral withdrawal, and is setting the stage for
the second phase to begin. Since Israel is now getting ready to go to war,
all other planned events designed
to bring down the old system so
the Masonic Christ
can arise to take control of
the new system can now begin.
Since this is a "Birth Pangs" scenario, we can expect the number of
disastrous events in the world to increase, with less and less time in between.
This increase in severe Birth Pangs activity has already begun.
NUMERIC OCCULT SIGNATURE TO HURRICANE KATRINA
If you have not yet come to understand that our occult leaders bring events
to pass according to certain key occult "sacred numbers", please take the time
to read NEWS1756. Only then will you understand this segment of the article.
Hurricane Katrina was carried out according to the following
occult sacred numbers, giving her a Numeric Occult Signature.
* She came ashore on August 29 -- 2+9= 11
Since this is a "Birth Pangs" scenario, we can expect the number of
disastrous events in the world to increase, with less and less time in between.
This increase in severe Birth Pangs activity has already begun.
NUMERIC OCCULT SIGNATURE TO HURRICANE KATRINA
If you have not yet come to understand that our occult leaders bring events
to pass according to certain key occult "sacred numbers", please take the time
to read NEWS1756. Only then will you understand this segment of the article.
Hurricane Katrina was carried out according to the following
occult sacred numbers, giving her a Numeric Occult Signature.
* She came ashore on August 29 -- 2+9= 11
('11' is the number of the coming Antichrist)
* Katrina was the 11th named storm of this season
* Katrina was the 6th hurricane to strike Florida this season
* Katrina came ashore in the New Orleans -- Mississippi area between 6:07 - 6:11 am.
Since Sunrise occurred at 6:36am, this storm literally greeted the Sunrise.
This may not sound like a big deal to you, but to a pagan whose primary god is the Sun,
this is a very huge deal. Of course, since this was also the time of High Tide,
the storm surge was greatly intensified.
* Initial news reported that at least 55 people were killed, and that the storm surge
into Mississippi was 22 feet high. Of course, these are occult numbers: 55=11x5 while 22=11x2
* Katrina was the 11th named storm of this season
* Katrina was the 6th hurricane to strike Florida this season
* Katrina came ashore in the New Orleans -- Mississippi area between 6:07 - 6:11 am.
Since Sunrise occurred at 6:36am, this storm literally greeted the Sunrise.
This may not sound like a big deal to you, but to a pagan whose primary god is the Sun,
this is a very huge deal. Of course, since this was also the time of High Tide,
the storm surge was greatly intensified.
* Initial news reported that at least 55 people were killed, and that the storm surge
into Mississippi was 22 feet high. Of course, these are occult numbers: 55=11x5 while 22=11x2
("Fury, Devastation", AP Breaking News, August 30, 2005)
* The length of time between the date Katrina hit and two other very significant dates
is interesting, to say the least:
1) August 29, 2005 back to the attacks of
9/11/2001 = 3 years, 11 months, 18 days
Of course, the number "3" is
the number of the pagan trinity
(Satan, Antichrist, False Prophet),
while "11" is the number of the coming
Masonic Christ and "18" is a hidden "666"
because it is the sum of "6+6+6".
2) August 29, 2005 back to the day the New World Order was officially "born"
, September 10, 2000 = 4 years, 11 months, 19 days
Thus, the dates between August 29, 2005
and these two important dates
on the Illuminati timetable
provide interesting occult sacred numbers,
* The length of time between the date Katrina hit and two other very significant dates
is interesting, to say the least:
1) August 29, 2005 back to the attacks of
9/11/2001 = 3 years, 11 months, 18 days
Of course, the number "3" is
the number of the pagan trinity
(Satan, Antichrist, False Prophet),
while "11" is the number of the coming
Masonic Christ and "18" is a hidden "666"
because it is the sum of "6+6+6".
2) August 29, 2005 back to the day the New World Order was officially "born"
, September 10, 2000 = 4 years, 11 months, 19 days
Thus, the dates between August 29, 2005
and these two important dates
on the Illuminati timetable
provide interesting occult sacred numbers,
especially the number "11".
Therefore, Hurricane Katrina carried a significant,
and obvious, numeric occult signature!
She was obviously and carefully created
She was obviously and carefully created
in order to produce the societal chaos
so needed to bring down the old system
so needed to bring down the old system
and bring in the new,
along with the New Messiah,
the Masonic Christ.
Remember also how the Biblical concept of this entire series of events
being as a "birth pangs" ('sorrows' in the King James Version).
Jesus foretold in Matthew 24:6-8 that Antichrist would come to
the world scene as "birth pangs" produced him. As adults know,
birth pangs get closer together, and they greatly intensify,
as the birth of the baby gets closer.
Likewise, the Illuminati has planned that
Remember also how the Biblical concept of this entire series of events
being as a "birth pangs" ('sorrows' in the King James Version).
Jesus foretold in Matthew 24:6-8 that Antichrist would come to
the world scene as "birth pangs" produced him. As adults know,
birth pangs get closer together, and they greatly intensify,
as the birth of the baby gets closer.
Likewise, the Illuminati has planned that
the "birth pangs" disasters planned to
produce their Messiah would intensify
and get closer together as the time for
his appearance gets closer.
He will literally come striding out
of the smoke and disaster of
the Third World War, his appearance prepared by
natural disasters, deadly pestilence,
natural disasters, deadly pestilence,
famine, and earthquakes
in many places throughout the world.
We should be prepared for more of these types of events,
occurring closer together. And, as always, Israel is the key,
so watch carefully as she prepares for war by evacuating
her remaining settlements on the West Bank.
""Israel might lose ground in Washington
if it carried out a disengagement referendum
that would delay implementation of the plan ...
'In my view I don't think anything that
will postpone, or interfere, with the timetable
or orderly manner of carrying out disengagement
would be viewed favorably in Washington',
(Foreign Minister) Ayalon told The Jerusalem Post ... '
http://en.wikipedia.org/wiki/Danny_Ayalon
http://www.unitedjerusalem.org/index2.asp?id=553809&Date=2/11/2005
they (Bush Administration) have stressed
repeatedly in all their meetings in Jerusalem,
in many places throughout the world.
We should be prepared for more of these types of events,
occurring closer together. And, as always, Israel is the key,
so watch carefully as she prepares for war by evacuating
her remaining settlements on the West Bank.
Remember the "timetable" and "schedule" revelation
this past February (2005), from a Sharon minister:""Israel might lose ground in Washington
if it carried out a disengagement referendum
that would delay implementation of the plan ...
'In my view I don't think anything that
will postpone, or interfere, with the timetable
or orderly manner of carrying out disengagement
would be viewed favorably in Washington',
(Foreign Minister) Ayalon told The Jerusalem Post ... '
http://en.wikipedia.org/wiki/Danny_Ayalon
http://www.unitedjerusalem.org/index2.asp?id=553809&Date=2/11/2005
they (Bush Administration) have stressed
repeatedly in all their meetings in Jerusalem,
and said it publicly, that the timetable
should be kept, and it is important to carry out
the disengagement according to schedule
the disengagement according to schedule
and without any obstacles', he said."
(NEWS2065 Emphasis added)
A global "timetable" -- "schedule"
is in place and being followed
by the Illuminati.
http://www.forward.com/articles/2622/
Are you spiritually ready? Is your family? Are you adequately protecting
your loved ones? This is the reason for this ministry, to enable you to
first understand the peril facing you, and then help you develop strategies
to warn and protect your loved ones. Once you have been thoroughly trained,
you can also use your knowledge as a means to open the door of discussion
with an unsaved person. I have been able to use it many times,
and have seen people come to Jesus Christ as a result.
These perilous times are also a time when we can reach many souls
for Jesus Christ, making an eternal difference.
If you have accepted Jesus Christ as your personal Savior,
but have been very lukewarm in your spiritual walk with Him,
you need to immediately
ask Him for forgiveness and for renewal. He will instantly forgive you,
and fill your heart with the joy of the Holy Spirit. Then, you need to
begin a daily walk of prayer and personal Bible Study.
If you have never accepted Jesus Christ as Savior, but have come to realize
His reality and the approaching End of the Age, and want to accept His FREE Gift
of Eternal Life, you can also do so now, in the privacy of your home.
Once you accept Him as Savior, you are spiritually Born Again,
and are as assured of Heaven as if you were already there. Then, you can rest assured
that the Kingdom of Antichrist will not touch you spiritually.
If you would like to become Born Again, turn to our Salvation Page now.
We hope you have been blessed by this ministry, which seeks to educate
and warn people, so that they can see the coming New World Order --
Kingdom of Antichrist -- in their daily news.
Finally, we would love to hear from you. You can contact us by mail or email. God bless you.
Copyright © 2005 Cutting Edge Ministries. All rights reserved.
This password protected article and its contents are protected under the copyright laws
of the United States and other countries. This article is provided by subscription only for use
by the subscriber and all other rights are expressly reserved by the copyright owner.
Copying and pasting this article, in whole or in part, into e-mails or as attachments to e-mails
or posting it on the Internet is strictly prohibited and may subject the offender to civil liability
and severe criminal penalties (Title 17, United States Code, section 501 and 506). Copying and distributing this article in violation of the above notice
is also a violation of God's moral law.
http://www.tipsth.com/story/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88/
A global "timetable" -- "schedule"
is in place and being followed
by the Illuminati.
Both Israel and other events like
Hurricane Katrina are marching
according to this "schedule".
Time seems to be getting very, very short.http://www.forward.com/articles/2622/
Sharon Hailed, But Faces Party Revolt
Bush: Onus For Progress On Palestinians
Are you spiritually ready? Is your family? Are you adequately protecting
your loved ones? This is the reason for this ministry, to enable you to
first understand the peril facing you, and then help you develop strategies
to warn and protect your loved ones. Once you have been thoroughly trained,
you can also use your knowledge as a means to open the door of discussion
with an unsaved person. I have been able to use it many times,
and have seen people come to Jesus Christ as a result.
These perilous times are also a time when we can reach many souls
for Jesus Christ, making an eternal difference.
If you have accepted Jesus Christ as your personal Savior,
but have been very lukewarm in your spiritual walk with Him,
you need to immediately
ask Him for forgiveness and for renewal. He will instantly forgive you,
and fill your heart with the joy of the Holy Spirit. Then, you need to
begin a daily walk of prayer and personal Bible Study.
If you have never accepted Jesus Christ as Savior, but have come to realize
His reality and the approaching End of the Age, and want to accept His FREE Gift
of Eternal Life, you can also do so now, in the privacy of your home.
Once you accept Him as Savior, you are spiritually Born Again,
and are as assured of Heaven as if you were already there. Then, you can rest assured
that the Kingdom of Antichrist will not touch you spiritually.
If you would like to become Born Again, turn to our Salvation Page now.
We hope you have been blessed by this ministry, which seeks to educate
and warn people, so that they can see the coming New World Order --
Kingdom of Antichrist -- in their daily news.
Finally, we would love to hear from you. You can contact us by mail or email. God bless you.
Copyright © 2005 Cutting Edge Ministries. All rights reserved.
This password protected article and its contents are protected under the copyright laws
of the United States and other countries. This article is provided by subscription only for use
by the subscriber and all other rights are expressly reserved by the copyright owner.
Copying and pasting this article, in whole or in part, into e-mails or as attachments to e-mails
or posting it on the Internet is strictly prohibited and may subject the offender to civil liability
and severe criminal penalties (Title 17, United States Code, section 501 and 506). Copying and distributing this article in violation of the above notice
is also a violation of God's moral law.
http://www.tipsth.com/story/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AC%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88/
ตะลึง! วาฬเกยตื้นตายหมู่กว่า 100 ตัวที่นิวซีแลนด์
22 ก.พ. 54 รายงานข่าวอ้างสำนักข่าวเอเอฟพีที่ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดของเกาะสจ๊วต นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะใต้ ประเทศนิวีแลนด์ ต่างก็ต้องตกตะลึง หลังพบมีวาฬนำร่องประมาณ 107ตัวได้มานอนเกยตื้นตายอยู่บริเวณชายหาดดังกล่าว ตะลึง! วาฬเกยตื้นตายหมู่กว่า 100 ตัวที่นิวซีแลนด์
ซึ่ง จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมอนุรักษ์ธรรมชาติ เผยว่า การตายหมู่ดังกล่าวอาจจะมีสาเหตุมาจากพวกมันอาจจะว่ายพลัดหลงมาเกยหาด ประกอบกับน้ำทะเลมีกำลงลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จึงไม่สามารถที่จะทำให้ไม่สามารถว่ายกลับลงน้ำทะเลได้จึงทำให้พวกมันเสีย ชีวิต
อีกทั้งบริเวณดังกล่าวมักจะพบว่ามีวาฬขึ้นมานอนเกย ตื้นตายบ่อย ครั้งมาก โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีวาฬ 14 ตัวก็ขึ้นมาเกยตื้นตายบนหาดใกล้เมืองเนลสัน แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะใต้ และอีก 24 ตัวใกล้กับแหลมเรนกา ทางตอนเหนือของประเทศ
ขณะ ที่นักวิทยา ศาสตร์ ยังมืดแปดด้านไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดวาฬนำร่องเหล่านั้นจึงขึ้นมาเกยตื้นเอง อย่างไรก็ตามการตายของมันอาจจะเป็นสัญญานเตือนของภัยพิบัติก็เป็นได้
หลัง จากเมื่อช่วงเวลา12.51น. วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริคเตอร์ ขึ้นในไครสต์เชิร์ช เมืองใหญ่อันดับสองของนิวซีแลนด์ ทำให้มีตึกพังถล่มหลายแก่ง และเจ้าหน้าที่ต่างต้องสั่งเร่งอพยพประชาชนเป็นการด่วนหวั่นเกิดอันตรายถึง ชีวิต
TVNewZealand | February 21, 2011 | 337 likes, 31 dislikes
A Magnitude 6.3 Earthquake has hit Christchurch, New Zealand, at a depth of 5 km and centred 10 km south-east of the city. There are reports of major damage to buildings and infr...astructure.
Major Earthquake has hit Christchurch, New Zealand
6 นาที - 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อัปโหลดโดย TVNewZealand
youtube.com
http://www.guardian.co.uk/world/2011/feb/22/earthquake-christchurch-new-zealand
# Associated Press
# guardian.co.uk, Tuesday 22 February 2011 00.52 GMT
A strong 6.3-magnitude earthquake has struck the city of Christchurch on New Zealand's South Island, seriously injuring people and damaging buildings throughout the city.
Video footage showed damaged buildings throughout the city centre, with bricks and shattered concrete strewn across the pavement. Hundreds of dazed, screaming and crying residents wandered through the streets as sirens blared throughout the city.
Christchurch Mayor Bob Parker said he was on the top floor of the city council building when the quake hit, throwing him across the room.
"I got down onto the street and there were scenes of great confusion, a lot of very upset people," he said. "I know of people in our building who are injured and I've had some reports of serious injuries throughout the city."
Radio New Zealand reported that a church near the city centre collapsed. The station also said staffers in its Christchurch newsroom had to cling to their desks during the shaking, with large filing cabinets toppling over.
"What I can see from where I am in the central city is that there are significant amounts of additional damage," Parker said.
The US Geological Survey said the temblor was centred 3 miles from the city at a depth of 2.5 miles.
Christchurch has been hit by hundreds of aftershocks since a 7.1 magnitude earthquake struck on 4 September last year, causing extensive damage and a handful of injuries, but no deaths.
- guardian.co.uk,
- Step 1
First, analyze your location. Will your country be a combatant in World War 3?
If so, you may want to consider moving to a safer place. For example,
it is unlikely that places of little geopolitical importance will see
much action in World War 3. Some parts of Asia and many parts of South
America will probably remain unscathed. However, the Middle East and
possibly parts of Europe, Asia and North America could suffer during
World War 3. - Step 2
After you have analyzed your location, decide if it is safe. If so, then stay
put. If your current location is in a combatant nation, you may want to
consider moving to a safer part of the globe. - Step 3
Start preparing food storage, clean water and any other supplies you would
need if life were disrupted by a massive war. You may not have
electricity and the supermarkets could be closed. - Step 4
Prepare a hiding place in a remote location, far from military bases, nuclear
silos and large population centers. This will be your safe haven if war
comes to a neighborhood near you. - Step 5
Get some potassium iodide pills to help protect from radiation poisoning.
Also try to create a bunker with plenty of shielding from radiation. - Step 6
Try to learn the language of any of the victorious nations. If you think
China will win World War 3, then learn some Mandarin. If you think
Russia, then learn Russian. If you think the Anglo-American nations
will win World War 3, then be sure to speak English. This will come in
handy because if you can work as an interpreter for foreign powers, you
will have guaranteed safety, work, and food.
New Zealand authorities have said they hold grave fears for 226 people still missing in the aftermath of the Christchurch earthquake as the number of confirmed deaths rose to 98. The New Zealand prime minister, John Key, warned that total fatalities were likely to exceed 200. Police said up to 120 bodies could still be trapped in the collapsed Canterbury Television building. More than 80 students and staff from the King's Education College are known to be missing, thought to have been trapped in the same building. They include the principal and head teacher of the foreign language school and numerous foreign students, from Japan, the Philippines and elsewhere. Police ruled out the possibility of anyone having survived in the rubble of Christchurch cathedral, where up to 22 people were thought to have been trapped. The rescue effort at the Pyne Gould building, where 14 people were thought to have been trapped, moved from rescue to "recovery". No survivors have been found for more than 24 hours and the tone of briefings from authorities has become increasingly downbeat. Police superintendent Dave Cliff nevertheless said teams would continue to look for survivors. "It remains a rescue operation. There could be people alive, we don't know," he said. Key said the death toll was certain to rise, possibly dramatically. "We are very concerned that the death toll may rise much more rapidly than any of us had ever feared," he said. "Frankly it looks like a war zone from a helicopter. It's building after building after building that's collapsed." Through the morning, the city was "swept by rumours", as the mayor of Christchurch, Bob Parker, put it. At least three times stories circulated of fresh rescues under way after contact from survivors, but each proved ill-founded. The naming of fatalities, expected to begin on Thursday afternoon, was delayed after a request from the coroner. Police, however, did name four victims, including two babies, all of whom were from Christchurch. They were Jaime Gilbert, 22, Joseph Pohio, 40, nine-month-old Jayden Harris and five-month-old Baxter Gowland. Two days after the quake, residents continued to leave ruined homes to find shelter with relatives, in camps or further afield in other New Zealand cities. The worst affected areas were in the east and south-east, and included Lyttleton, Shirley, Sumner, Redcliffs and New Brighton, which remained without electricity or water. Those roads that remain open are peppered with signs indicating cracks, holes and eruptions. Traffic moves at a crawl. In the hillside suburb of Mount Pleasant, hundreds of residents have created an impromptu campsite on the large lawn at a primary school, overlooking the battered city. Robyn O'Brien, with her husband and two children, was among them. She said people had pulled together, bringing camping equipment and stocks from larders and freezers to share, but it was difficult to stay upbeat. "Every time we go back to our home we think, is it liveable, is it not liveable?" she said. "And today we're thinking it's probably not liveable. But you've got to stay positive." Another resident of the makeshift camp, who asked not to be named, said the school grounds had become something of a psychological refuge. She was relieved to be cut off from the news, she said, and could not bear to look at even the local newspaper. "I don't want to know what's going on out there. I just want to stay in these tents, in our bubble here," she said. As British rescue workers arrived in Christchurch to join the multinational operation, the UK high commissioner to New Zealand, Vicki Treadwell, urged concerned relatives of Britons who may have been in the area to contact the Foreign Office. "At the moment, there are still no British people confirmed among those injured in hospital or found dead, but clearly it is possible that there will be some," she said. British officials had helped 130 Britons who were in Christchurch at the time of the earthquake, she said. A temporary UK consular office has been set up at the Copthorn Commodore hotel in Christchurch. Key declared the quake a national disaster, as analysts estimated insurance losses could be $12bn (£5.5bn). The water system for Christchurch and surrounding areas is in disarray. Parker said water was still out for half the city and might be contaminated for the other half. All residents were urged to boil tapwater before using it to drink, wash or cook. Fourteen water tankers have been dispatched around the city and residents have been urged not to flush toilets or use showers.
http://www.theaustralian.com.au/news/a-63-magnitude-earthquake-has-rocked-the-southern-new-zealand-city-of-christchurch/story-e6frg6n6-1226009963205
6.3-magnitude earthquake rocks southern New Zealand city of Christchurch
* From: AAP * February 22, 2011 1:08PM
New Zealand media reported that there had been "multiple" fatalities at several locations after the quake hit about 12.51pm local time.
New Zealand Prime Minister John Key said there were fears of deaths, and residents are being warned to expect aftershocks.
Live video footage showed parts of buildings collapsed into the streets, which were strewn with bricks and shattered concrete. Footpaths and roads were cracked and split, and hundreds of dazed, screaming and crying residents wandered through the streets as sirens blared throughout the city.
People fled the city centre as emergency services rushed to the area to evacuate those trapped in buildings.
New Zealand police said in a statement that there were reports of multiple fatalities in the city, including a report that two buses had been crushed by falling buildings.
The police statement said there were other reports of fires burning in the city and people being trapped in buildings.
The airport was closed and Christchurch Hospital was evacuated. Power and telephone lines were knocked out, and pipes burst, flooding the streets. Some cars apparently parked on the street were buried under rubble.
Reports said the city's iconic cathedral had been badly damaged.
Christchurch has been hit by hundreds of aftershocks since a 7.1 magnitude earthquake struck on Sept. 4 last year, causing extensive damage and a handful of injuries, but no deaths.
Civil Defence Minister John Carter said there had been unconfirmed reports of fatalities. Cars were buried under rubble and roads buckled as the tremor opened ruptures in the ground.
There were unconfirmed reports of injuries and that the local hospital had been evacuated.
Prime Minister Key told parliament he would make an emergency visit to the city.
Christchurch Mayor Bob Parker said an emergency operation was being set up in the city centre.
"This is obviously a dreadful, dreadful aftershock, it felt more like a new quake to me,'' he told Radio NZ.
"What I can see from where I'm from... there's a significant amount of additional damage.''
Christchurch Hospital was being evacuated, a spokeswoman for the hospital said. Witnesses have told local reporters there would be "deaths'' this time.
"It was terrifying," a witness, who said she was in the city centre when the quake hit, told Sky News. "I thought I was going to die. I just want to get out of the CBD."
Power was out in Christchurch and phone lines were down.
The New Zealand Herald reported that the jolt was felt in the capital Wellington to the north and the city of Dunedin to the south. Residents say it lasted about a minute.
Tarmac on the road was cracked and water mains had burst, flooding the streets with water.
"It was incredibly violent, very very scary,'' one visitor to the city, Philip Gregan said while on the phone to AAP.
"We're all standing out on the street with sirens going off around us.
"Oh no, there's another one,'' he said while on the phone. I want to get out of here.''
"It was just unbelievable, it was so strong, nothing like I've ever experienced before, just horrible,'' local shopkeeper Julian Hogday told TV3.
The US. Geological Survey said the temblor was centred 5km from the city at a depth of 4km.
A priest told New Zealand's TV3 that he feared people were trapped in the rubble.
``It's just huge, it is huge,'' he said. ``The building's a building. The really important thing is the people. ``We just don't know if there are people under that rubble. I fear there are.''
Agencies
http://www.worldtimeserver.com/current_time_in_NZ.aspx The current time and date in New Zealand is 10:56 PM Tuesday, February 22, 2011 DST +1300 UTC http://www.facebook.com/?sk=lf#!/album.php?aid=278458&id=78922439964&fbid=10150097199314965
By Federal Emergency Management Agency
Christchurch, New Zealand Earthquake
FEMA is supporting the U.S. government's response to a 6.3 earthquake that struck Christchurch, New Zealand on Feb. 22, 2011. The U.S. Agency for International Development is leading the U.S. efforts, deploying an Urban Search and Rescue team to assist local and first responders.
http://www.youtube.com/user/TheIlght
Friday, 5 November 2010
MTV's New Illuminist Video
Yesterday, a PR company sent me a press release for the release of an intriguing new video directed by Hollywood director David Ayer for LCD Soundsystem's 'Pow Pow' which I wanted to quickly do a post on. This is the first in a series of 'supervideos' that aim to use famous actors/directors and they will apparently, "capture the spirit and excitement of the must-see music video that has been synonymous with MTV", so.. they will likely be full of the symbolism that has been a staple of MTV and it's videos for decades. The series is created by MEAN Magazine and presented by MTV, the first one starring Twilight series actress Anna Kendrick. I thought I might as well post this as I thought it was interesting (even though it seems they want sites like this to do "exposés" on their videos to cash in on the "Illuminati" themes current high level of interest online, hence why they sent the press release to sites like mine) and I haven't been working on much else this past month since I last put one up, hopefully I'll get working again on some of my full length posts soon. People outside of the US, I was able to watch it here (took me ages to find a working video I could watch).
Anna Kendrick apparently is a goddess (I think Isis) who "collects the souls of the Wicked Men" as she puts on a bracelet (from a table full of make-up, jewelry, credit cards etc; ways of altering her identity) and is instantly transported (maybe evoking dissociation due to her lost time in getting there; note the cage behind her in one of the promo pics above also) to a scene with her handlers who lead her through various scenes and she comes across various nafarious characters, the Wicked Men (whose souls she is collecting).
She collects their souls by magickally holding her hand up to them and a standard Freemasonic/Illuminist symbol is flashed, then she is transported to the next soul to collect by her handlers.
Also in the room are what look like a politician, a military general and a police officer (three more 'wicked men' to be judged by the Mason).
Anna comes out of the light (of Lucifer?) in the room wearing white (representing purity/innocence; as opposed to the dark things the 'wicked men' are involved in, the Masonic duality checkerboard is obviously of note here). She then looks at them in a less innocent, judgmental way as the screen is filled with light and the three are then seen looking guilty and full of regret back in their reality (having seen the light, I guess). After this, at the very end she reaches for a knuckle duster (i.e. to punish them) but instead picks up a bracelet.
The way I look at it, you can interpret it in two, possibly more ways, Kendrick may have collected them up to this place to be judged by the 'good Mason' to teach them the error of their ways (when back in their original scenes after, they have a look of guilt and regret). Either that, or the Mason is issuing orders/edicts to the facets of society they have their gavel/authority/control over (the corporate world and the underworld stuff the three wicked men are involved in; and of course the three other people in the room who represent the government, military, police, Masonic symbolism pervades most of these parts of society in reality as many will know). More substantive posts up hopefully sooner rather than later, thought this was worth quickly posting anyway till I have something new up.
Facebook
You've probably already seen this, really just wanted to post one of the all seeing eye images I can't get enough of, which I found on the BBC illustrating it's mind control purposes somewhat (in a symbolic way). I will not list the issues I have with facebook (infinite really), it'll poke your damn eye out and split your face/mind no doubts about it ^^. Pretty good (mainstream) article here too. A spokesman for the CIA said: "Facebook is a very good peer-to-peer marketing tool," from this link. http://abcnews.go.com/Technology/story?id=2829253&page=1 iKnowYouSeeThis http://pseudoccultmedia.blogspot.com/2008/07/facebook.html http://www.illuminati-nwo.com/tag/illuminati-shirts/ http://doingmypart.wordpress.com/2008/01/17/facebook-americas-biggest-monitoring-system/
The director David Ayer has used this eye in the triangle Masonic/Illuminist symbol in a film he directed I covered way back in 2008, 'Street Kings' (cap here from the post; it's symbolically on a light above a stairway leading up to some corrupt cops).
The third and final wicked man's soul she collects, she flashes the eye of providence/all seeing eye at him and all three find themselves inside a mock Masonic lodge room complete with checkerboard floor and a Master Mason acting as a judge (holding a gavel). Note the human skull and a (probably) Masonic bible over a pillar adjacent to the Masonic judge, the room is lit up (Luciferian), illuminating the Masonic Illuminist.
Ayer says one of themes of the video is that “No matter how big you are, how important you are in this temporal world of ours, there’s somebody more important… You have to answer for your sins, and that’s a little bit of what this video is about.” You could argue that the all seeing eyes and such represent God (though many will say it is Lucifer) and that the wicked men are answering to God which is a less sinister interpretation of the video that I do not side with as the Mason has quite a devious look about him.
Note the symbolic duality/masonic checkerboard symbolically reflected in one eye of the sly looking Mason's glasses.
http://pseudoccultmedia.blogspot.com/2010/11/mtvs-new-illuminist-video.html
Wednesday, 25 June 2008
Illuminati Terror Has Evolved
Their City. Their rules. No Prisoners.
Keanu Reeves (Neo: The One, christ/horus resonator, see Matrix films) takes on the corrupt police (yes the police are corrupt everywherein real life too, see Ian Blair...) in the film Street Kings. It is 107 minutes (though imdb has it as 109) long or 1 hr 47 mins, another 17 and 47 synch, the same as Enchanted. It was originally titled "The Night Watchman ". As Keanu Reeves is a christ/horus resonator, which (Jesus) is the sun, so it makes sense then that the sun would open and close the movie (it starts by having the sun setting behind the above Street Kings title, and ends with Keanu angled with the sun setting also).
It would also then fit, that the Eye of Horus would be on display, as they ascend the stairs to the undercover cops who have lost their minds. It is seen on a light and is inside a triangle (Illuminism/Illuminati, Occult Dollar Bill), the film was distributed by FOX Searchlight Pictures again showing more illuminated symbolism (they are Luciferian worshippers of the light). Forest Whitaker is the main corrupt cop in the film, he says: "Those guys were so deep undercover that they lost their fucking minds!" Which is basically what I think happened to the "Illuminati" and Freemasons, they spent too long doing things in secret, which inevitably breeds corruption and has led to where we are today (and partly by their own design of course). The film itself is a bit rubbish in my opinion.
Note the serpent on the door to the corrupt cops too.
Fractured face (by the green plant with red flowers), half of the face/ so one eye illuminated (symbolising a split mind)
Another film you should probably not watch which I thought was really well put together was The Ruins and is 1hr 31mins (13 synch). It is set atop a Mayan pyramid
(without it's capstone, in typical illuminati fashion),
http://www.lost-civilizations.net/mayan-pyramids-chichen-itza.html
http://www.lost-civilizations.net/mayan-pyramids-mexico-teotihuacan.html http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f5/topic-t743-25.htm
the plant growing on the pyramid (with red flowers, rose resonant) is sentient and gets inside your body (they remind me of tentacles), they are made to stay there as sacrifices to it (like the new Kill yourself to Save the Earth Global Warming cult)
by modern day Mayans. It's poster reminds me of the War of the Worlds one (and the US green party logo, see Secret Sun post) and this motif is probably being used to create a sense of terror and fear around it, so when we see something like (tentacle UFO's or sumit?) our reaction is already programmed (trauma/psychological impact of watching these films, Indiana Jones included). It sucks you in emotionally as an extremely attractive blonde girl who you are made to have a subconscious emotional connection with (by showing her nude, and by contrasting her to her shocking and annoyingly naive friend), then she is the one who is most brutalized by the sentient pyramid plant, which got me pretty choked up. I don't even want to go into the potential for it being a metaphor for trauma based mind control (victims at the top of the illuminati pyramid having their skin penetrated by tentacles and whatnot) because there's been too much of that lately (and a whole lot more). Produced by Spyglass (looking glass) Entertainment, and distributed by Dreamworks, here is the wiki link to the book it is based on (link to film near top). Good summarization of the film from a reviewer: "The Ruins does what a good psychological horror movie should do: rely on tension rather than gore to achieve its aims. This bleak, edgy motion picture isn't concerned with appealing to the masses that flock to multiplexes to enjoy the spatterings of the latest serial slasher or the hollow weirdness of a PG-13 ghost story." Worth a watch, I agree with the reviewer, I've noticed that these horror films which I usually hate have been appealing to me more on a psychological level (being focused on fragmented personalities etc.) and they have been doing a lot more similar types of themes in things like Doctor Who (regular personalities who you can absolutely relate to, being put in horrific situations), look out for typical "spin camera" motion just before something insane happens and the like. (I watched the Unrated DVD rip by the way)
http://pseudoccultmedia.blogspot.com/2008/06/illuminati-terror-has-evolved.html
Saturday, 14 November 2009
Rihanna the Imprisoned ManneKitten
Without coming across like a broken record; their videos are getting increasingly more blatant and predictable (like GaGa's most recent 'Bad Romance')... let's hope they're not just using us to get the masses used to the idea of MK'd sexual slavery (which is something I have considered) so they can become more public with it following a great cataclysm/WW3 in the future
(you can get away with anything as long as you have the appropriate chaos; it will probably never happen though and I don't necessarily buy that argument). The latest by Rihanna is worth posting on (skipping over 'Run This Town' and other things that have been well handled by others), essentially showing Rihanna locked away in a prison, with guards/programmers taunting her and filling the room with gas (drugging the victim) and such leading her to dissociate symbolized by the multiple visual imagery (the mind/personality splitting into dissociated parts). This dissociation is portrayed literally in scenes like the car crashing into her when she suddenly 'wakes up' at 3:28; to give you a real world example of this kind of thing so everyone has a frame of reference (which is always a massive obstacle when discussing things like mind control/dissociative identity disorder and such) for what's being shown at that point, in a dream when you are half asleep and half awake and in the dream you take a big step or jump and you unexpectedly fall leading you to wake up suddenly and have that slightly distressed feeling for a second [a hypnic jerk] is very similar to what happens there (more info further down). The album cover's symbolism is fairly self-explanatory (bondage/slavery themes; nude wrapped in barbed wire, chain, one eye mask, constricting corset), with Rihanna arguably in an 'as above so below' pose (one arm up one down).
"There are her shadowy tormentors, who keep her locked away and subject her to all sorts of torture including gassing her with red smoke and setting a cat on her [kitten dehumanization programming is another common theme in this video]. There are scenes of her twisting and pawing in a padded cell. At one point, she is mowed down by a speeding car." The video kicks off showing Rihanna lying on the floor of her grid pattern/'padded' cell looking, her position makes her appear psychologically desolate and traumatized. Note the light shining in on Rihanna (top image is from later on in the video not the start).
Then we are shown her tattooed/branded hand over a small blood pool. It symbolically shows scratch/claw marks on one of the square panels of the wall (grid pattern symbolizes the mind split into compartments; grids are used by programmers to 'chart' the victim's alters/programs/triggers/codes/etc); suggesting dehumanization and traumatization (like someone locked in a room attempting to scratch at the door in vein, or having gone insane and are attempting to scratch there way through the wall which seems to be the case here), the camera moves from the scratch marks to the prison guard/handler showing they have caused by his abuse/programming of Rihanna.
Emphasizing the 'claw' aspect and Rihanna's traumatized/dehumanized state, one of Rihanna's broken nails (symbolic claws) is focused on.
The slave handlers dressed in black (who are made to look like programmed individuals themselves, which is often how it works in reality with programmers being victims themselves due to the multigenerational aspect of Monarch mind control) with Rihanna looking in the two-way mirror of her 'padded'/programming cell.
The Russian Roulette theme is important in terms of programming as it is a mechanism used in suicide programming; which ties into the general aspect of this (and the overarching theme of the video) with Rihanna risking her life, willing to die for her "boyfriend"/handler. If we are using the whole Chris Brown domestic abuse example as a reference here; Russian roulette probably symbolizes the mental state of women who stay in abusive relationships (which is very much associated with and quite similar to mind control programming; it's obviously difficult for some people to comprehend but 'mind control' extends to simple manipulation of a partner through verbal abuse as well as the extreme end of the scale in trauma-based mind control programming). In the room she is playing Russian roulette with her boyfriend (this another symbolic dissociative hallucination/dream scene, shown by how the video cuts from her in a dissociative state in the cell and the Russian roulette room) also note the spinning fan/air vent, which I believe is conscious symbolism if you take into account the revolver used in Russian roulette where you spin the chamber to play the game (more spinning/dissociation suggestions and confusion having no idea which exact chamber the bullet is in) before causing severe head trauma if it goes off. The song's lyrics also relate to this metaphorical (and more literal if it's related to suicide programming and/or willingly dying for your programmer) psychological theme:Take a breath, take it deep Calm yourself, he says to me If you play, you play for keeps Take a gun, and count to three I’m sweating now, moving slow No time to think, my turn to go [Chorus ] And you can see my heart beating You can see it through my chest And I’m terrified but I’m not leaving Know that I must must pass this test So just pull the trigger Say a prayer to yourself He says close your eyes Sometimes it helps And then I get a scary thought That he’s here means he’s never lost (Chorus) As my life flashes before my eyes I’m wondering will I ever see another sunrise? So many won’t get the chance to say goodbye But it’s too late too pick up the value of my life (Chorus)http://pseudoccultmedia.blogspot.com/2009/11/rihanna-imprisoned-mannekitten.html
Thursday, 24 July 2008
Facebook- America’s modern monitoring system?
Infowars.com published an article recently saying Facebook is, “the new look of surveillance.” And this got me worried. I have a Facebook, I’m sure youhave a Facebook, and about 9 million other people have a Facebook as well. For some reason Facebook never entered my brain as a tool for mass monitoring. I knew it was a place for predators, perverts, and rapists, as they tell me, but not for the government. It’s a social network for keeping in touch with people and for playing old games from the eighties. This is the biggest double take that my brain has ever succumb to. Now I understand every social network is basically a way of big brother to watch you. Myspace, Facbook, Xanga, all of them! Let’s look at what they ask you when signing up for one of these accounts: Your sex, full name, address, all phone numbers, political views, religion, birthday, email, zip-code, websites, Sm’s, sexuality, activities, interests, class year, college, high school, elementary school, employer, company, position in that company, a photo of yourself, and anything else you are willing to add. Of course, you’re really only required to put your name. But then again, that’s really all they need isn’t it? Things like Facebook and Myspace just make it easier for them to target you. And with organized posting, they can monitor what you are discussing on-line. But it’s not like Facebook is some evil corporation trying to brainwash you or something right? Facebook is just an independent group of people who run a very popular website. But let’s look at who owns a piece of Facebook, and see who’s really in charge. Viacom. One of the big 6 evils in the media. Owners of Viacom are part of the CFR which makes them an Illuminati member. (Illuminati members are the government). Google also has a large peice of Facebook. A couple million dollars worth actually. The CEO and head chairmen of Google Eric E. Schmidt is part ofthe Bilderburg Group
which is a large stone of the Illuminati. The Illuminati own Facebook just as they own everything else.
This is a warning to everyone with social networks. The government and the Illuminati are watching you, be careful what you do and what you write
http://www.activistpost.com/2011/02/5-proposals-to-combat-global-warming.html
because they will know.
Monday, February 28, 2011
5 Proposals to Combat 'Global Warming' That Should Make Us All Cringe
Taxing the air we exhale, rationing human necessities, a global one-child policy, geoengineering (high-altitude chemical spraying), and now nuclear war have all been proposed to combat global warming. Have climate theorists lost their marbles, or just their humanity?Eric Blair Activist Post There has not been much middle ground found between global warming believers and the "it's a hoax" crowd. I started as a believer after watching An Inconvenient Truth. I struggled to even look into the alternative view because the establishment had so successfully made the deniers seem insane. However, having now done extensive research, I can attest that the "hoax" crowd has just as much, if not more, compelling evidence on their side as believers do. Furthermore, most global warming deniers won't disagree that the climate is changing or shifting in some noticeable way, only that man-made CO2 is not the primary cause. This article is not intended to debate the questions surrounding the man-made global warming theory, but rather the proposed "solutions." Most believers genuinely care about the environment and view deniers as selfish "takers" who care not for mother nature. This is not the case at all. In fact, I would argue that most deniers feel just as passionately about environmental issues as believers. The difference seems to be that deniers focus their energy on tangible and measurable problems in the environment like water, air and soil pollution, GMO food, excessive pharmaceuticals, chemical spraying, and results from oil spills and gas fracking to name a few. None of these very real threats to human and environmental health are addressed by the global warming crowd, save for possibly air pollution. When one dissects the proposals to combat global warming, it seems clear that the environmental movement has been hijacked by CO2 propagandists for an ulterior motive. Even though hardcore believers seem to have a healthy distrust for bankers, corporations, and their puppet politicians, they have a very difficult time challenging the establishment's science or solutions pertaining to global warming. They seem too busy defending the theory to make the connection to what they're actually supporting -- which is a cabal of big banks, big oil, and big brother seeking further control of society by hyping unprovable environmental threats that they never actually intend to fix in the first place.
At the very least, eyebrows should be raised since “hacked” emails exposed that the science data had been manipulated to fit the theory. Alarm bells should go off when we learn that, as Vice President, Gore designed the proposed Cap and Trade system with Enron’s criminal CEO Ken “Kenny Boy” Lay years before the global warming theory had been introduced to the public. And for progressives, a full blown revolt should take place knowing that the scandalous international Banksters and Big Oil have shaped Cap and Trade to line their pockets. Finally, as with any modern legislative proposal, it is designed as a Robin-Hood-in reverse scheme where provisions appear to tax personal human choices, while major corporate polluters are exempt. Regardless of what we believe about the man-made global warming theory, it certainly appears that the establishment's fix fits their problem-reaction-solution model of social engineering where many proposed solutions distort humanity's moral compass. Below are 5 proposals to combat global warming that should make all environmentalists and humanitarians cringe with embarrassment for supporting them:
1. Taxes to International Bankers: Does anyone still trust the international bankers after their wholesale looting of the general public? Do genuine environmentalists actually believe it's a good thing to have this criminal institution in charge of collecting and regulating carbon taxes. The thought of being forced to give more power and more money to the banks seems utterly foolish to support, no matter what environmental catastrophes we may face. The carbon market is almost entirely voluntary and is still in its infancy, yet there is already major financial fraud occurring which is par for the course for the banksters. We should be ashamed to promote them as any part of a solution. 2. One-Child Policies: After vilifying China's one-child policy since its inception, the Western world is now warming to the idea to combat CO2. In fact, Canada joined China in publicly calling for a Worldwide One-Child Policy during Copenhagen climate talks in 2009. Forcing this type of law on a previously free society will surely result in forced abortions and other horrific consequences. It is the epitome of tyranny for the State to take away such basic rights to life. It seems that the numerous heavyweights pushing this agenda are hell-bent on population reduction in spite of the global warming theory.
If forcing your friends and neighbors into a one-child policy makes sense to you, you may have already lost your humanity to a theoretical fear.
3. Geoengineering: The AP reported during the 2010 Cancun climate talks that "we may need geoengineering as a 'Plan B,' if nations fail to forge agreement on a binding treaty to rein in greenhouse gases." Geoengineering (sometimes referred to as chemtrailing), is high-altitude chemical spraying. They are the unnatural crisscrossed long white trails left by planes that take days to dissipate. Their patents are high in nanoparticle aluminum and barium, both of which have been found in dangerously high concentrations in otherwise pristine locations. For decades this program was top secret, and environmental activists were called conspiracy theorists for questioning it. Now, it is being promoted as the savior to global warming, claiming the extremely poisonous chemicals reflect sunlight away from earth. To learn more about what you would be advocating for as 'Plan B' to stop global warming, please watch the very reputable new film What in the World are They Spraying? 4. Rationing: At the COP16 climate meeting in Cancun during record cold temperatures this winter "Some climate change experts say World War II-style rationing in developed countries may be needed to bring down carbon emissions to fight against global warming." We all know who is most affected by rationing: the average little citizen. I'm reminded of the character Winston Smith in 1984 getting his allotments of fabricated coffee and fuel-like alcohol while the controllers lived in the lap of luxury. Perhaps, if we're lucky, the State will take control of local farm harvests for rationed distribution circa the Soviet Union. Ahh, freedom is on the march with this proposal.
5. Nuclear War: Last, but certainly not least, the idea has been floated that a small nuclear war may save us from the global warming bogeyman. Yes, for the good of humanity and the environment, let's blow a couple of million people to smithereens and radiate thousands of square miles to force the cooling of the earth. This is not some fringe group proposing this, but instead NASA, the National Geographic and Ted Turner-owned Time magazines floating the idea. They say, "Models suggest that though the world is currently in a warming trend, small-scale war could lower global temperatures 2.25 degrees F for two-to-three years following war." It seems this scenario will do nothing to reduce CO2, but simply block and absorb heat from the sun. In fact, they admit it may add carbon into the atmosphere. If you can't tell how wrong this concept is on multiple levels then perhaps it's more appropriate to refer to you as a world-is-flat Neanderthal. Despite differences in theories, can't we all agree that these proposals seem downright tyrannical, if not evil? They all seem to further crush the poorest among us, while eliminating basic individual rights, to openly promoting reducing the human population. And that means you too by the way. Believers won't be exempt from the darkest wrath of these proposals. And worst of all, none of these proposals will do anything to solve authentic environmental degradation, or even CO2 concentrations for that matter. So, it's all right to believe any theory you wish, but just be more informed and honest when defending the establishment's proposed solutions. They are not designed or intended to protect you or the environment from global warming.
Animation/Wiki Commons |
Multiple M-Class Solar Flares & Solar Watch 9th March
Significant Solar Flare activities last 48 hours 2011/03/07 19:43:00 20:12:00 M3.7 2011/03/08 10:35:00 10:44:00 M5.3 2011/03/08 18:08:00 18:28:00 M4.4 2011/03/08 19:35:00 21:35:00 M1.5 Solar Soft websitehttp://www.lmsal.com/solarsoft/latest_events/ http://www.helioviewer.org/ Quality Dedicated Solar Website Link http://solarimg.org/artis/ GOES Xray Flux Data http://www.swpc.noaa.gov/rt_plots/xray_5mBL.html sunspot information from solar monitor http://www.solarmonitor.org/ Cactus website http://sidc.oma.be/cactus/out/latestCMEs.html
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น http://www.abovetopsecret.com/forum/thread672616/pg1 reply posted on 11-3-2011 @ 05:56 AM by Arken
I don't believe this was done by HAARP, if some of you have seen SOHO, LASCO C2 images of the past couple of days (starting from the 7th of March until the 10th), you will see the sun was very very active, and shot for what i saw 4 HUGE (i heard people say) X-Class CME's, Non where earth directed, but 2 of them where on the side that was turning in our direction, so we are feeling that effects now.. This is all Nature Baby.
ขนาด 1.9 ลงไป จัดอยู่ในระดับ ไม่รู้สึก
ขนาด 2.0-2.9 เบามาก จัดอยู่ในระดับ คนทั่วไปมักไม่รู้สึก แต่ก็สามารถรู้สึกได้บ้าง และตรวจจับได้ง่าย
ขนาด 3.0-3.9 เบามาก จัดอยู่ในระดับ คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ และบางครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้บ้าง
ขนาด 4.0-4.9 เบา จัดอยู่ในระดับ ข้าวของในบ้านสั่นไหวชัดเจน สามารถสร้างความเสียหายได้ปานกลาง
ขนาด 5.0-5.9 ปานกลาง จัดอยู่ในระดับ สร้างความเสียหายยับเยินได้กับสิ่งก่อสร้างที่ไม่มั่นคง แต่กับสิ่งก่อสร้างที่มั่นคงนั้นไม่มีปัญหา
ขนาด 6.0-6.9 แรง จัดอยู่ในระดับ สร้างความเสียหายที่ค่อนข้างรุนแรงได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร
ขนาด 7.0-7.9 รุนแรง จัดอยู่ในระดับ สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงในบริเวณกว้างกว่า
ขนาด 8.0-8.9 รุนแรงมาก จัดอยู่ในระดับ สร้างความเสียหายรุนแรงได้ในรัศมีเป็นร้อยกิโลเมตร
ขนาด 9.0-9.9 รุนแรงมาก จัดอยู่ในระดับ "ล้างผลาญ" ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีเป็นพันกิโลเมตร
ขนาด 10.0 ขึ้นไป ทำลายล้าง จัดอยู่ในระดับ ไม่เคยเกิด จึงไม่มีบันทึกความเสียหายไว้http://www.watoday.com.au/environment/japan-tsunami-damage-follows-89-earthquake-20110311-1bqym.html
The location of the earthquake.Breaking News - 7.2 Earthquake Japan - March 9 , 2011
Uploaded by SolarWatcher on Mar 8, 2011
A Strong Earthquake Strikes Near The Coast Of Honshu, Japan ... no significant reports of Tsunami associated with this event (TheWeatherSpace.com) -- A magnitude 7.2 earthquake hit off Japan's northeastern coast, shaking everything hundreds of miles around, including Tokyo. The quake hit at 11:45 am local time on Wednesday. A 60 centimeter tsunami reached the coastal town of Ofunato. The Tsunami was small and there were no reports of damage. Some trains were stopped after the quake, however resumed shortly after. In 1933, about 3000 people were killed around Ofunato by an earthquake and tsunami that had a maximum wave height of 28.7 metres, according to the USGS. In 1896, a magnitude 8.5 earthquake generated a tsunami that killed 27,000 people in the area. http://www.criticalpast.com/video/65675076532_natural-disasters_rubble-on-ground_people-gather_damaged-buildings
The 1933 Sanriku Earthquake causes great loss of life and property due to natural disasters in Kamaishi, Japan.
Location: Kamaishi Japan Date: 1933, March 2
Damage due to earthquake, tsunami, and fire in Kamaishi, Japan as a result of the Sanriku Earthquake. People gather in the area. Children looking picking through rubble on the ground. Damaged houses and buildings. Smoke arising in the area. One large boat washed up against a building. Two smaller boats seen washed ashore.
Radiation level rising at Fukushima nuclear plant in quake-hit Japan
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews Experts are warning that radiation levels are rising at the Fukushima nuclear plant and there's a high risk of a leak if the situation isn't resolved in the next few hours. Dr. Robert Jacobs, who's a Professor of nuclear history and culture at the Hiroshima Peace Institute, says nuclear power stations are programmed to shut down during major earthquakes..
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews Japan is dealing with the aftermath of a massive tsunami. The official number killed is now 375. That's a figure which even the most optimistic estimates suggest will rise dramatically. The huge wave was caused by the biggest earthquake in the country's history. Japan has now asked the UN to send rescue teams to help deal with the disaster. Another earthquake has also hit central Japan in the past hours, although there are no reports of damage from this latest aftershock. An emergency situation has been declared at the Fukushima nuclear plant in the north east, after it was damaged. The pressure inside the reactor is rising, raising fears of a radiation leak. But Japan's nuclear safety agency says to reduce the pressure, radioactive vapor may be released, posing no risk to humans or the environment.
Video of blast at Fukushima nuke plant, radiation leak reported
Uploaded by RussiaToday on Mar 12, 2011
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews An explosion at a Japanese nuclear power station tore down the walls of one building on Saturday as smoke poured out and Japanese officials said they feared the reactor could melt down following the failure of its cooling system in Friday's powerful earthquake and tsunami.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1299823947&grpid=00&catid=&subcatid=
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นระเบิดหลังแผ่นดินไหว
สารกัมมันตภาพฯรั่ว รบ.แจกไอโอดีนให้ปชช.ใช้ป้องกันตัว
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 22:00:47 น.
รัฐบาลญี่ปุ่นมอบไอโอดีนให้ประชาชาป้องกันกัมมันตภาพรังสี เชื่อคนตาย-สูญหายถึง 1,700
รัฐบาล ญี่ปุ่นได้ทำการแจกจ่ายไอโอดีนให้ แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ ใกล้เคียงโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่จังหวัดฟูกูชิม่า หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งของจังหวัดดังกล่าว ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ เพราะสารไอโอดีนจะสามารถช่วยป้องกันร่างกายของมนุษย์จากภัยที่เกิดจากแรง ระเบิดของสารกัมมันตภาพรังสีได้
ขณะ เดียวกัน สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายล่าสุดของเหตุการณ์แผ่นดินไหว-สึนามิถล่ม ครั้งนี้ น่าจะอยู่ที่มากกว่า 1,700 ราย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดต่อกับประชากรจำนวน 9,500 คน ในเมืองๆ หนึ่งได้ ภายหลังเหตุหายนะภัยดังกล่าว
พบกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลหลังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นระเบิด!
มี รายงานข่าวว่า เกิดเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิม่า 1 ในประเทศญี่ปุ่น ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา
โดย ควันไฟขนาดใหญ่ได้พวยพุ่งออกมาจากโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฟูกูชิม่า ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทาง 250 กิโลเมตร และมีพนักงานในโรงไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บ 4 คน
ณ ปัจจุบัน ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นกับส่วนใดของโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่ง นั้น และเหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด
องค์การ พลังงานปรมาณูของญี่ปุ่น ระบุว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าเชื้อเพลิงจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เครื่องใดเครื่องหนึ่งกำลังเริ่มรั่วไหลออกมา และระบุว่า มีการพบสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานไฟฟ้า พลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิม่า 1 จังหวัดฟูกูชิม่า
ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นที่พื้นที่บริเวณโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกิชิม่า 1 และ 2
ขณะ ที่นายยูกิโอะ เอดาโน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ระบุว่า ขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญกำลังพยายามตรวจสอบอยู่ว่าปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหล ออกมาจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีมากเพียงใด
โดย ประชาชนหลายพันที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ใกล้โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ได้ถูกสั่งให้อพยพออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่าสารกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมานั้นมี ปริมาณที่ "เล็กน้อยมาก"
เช่น เดียวกับเจ้าหน้าด้านพลังงานปรมาณูและผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่า การรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีครั้งนี้จะไม่นำไปสู่หายนะภัยดังที่เกิด ขึ้นกับโรงงานไฟฟ้าเชอร์โนบิลของสหภาพโซเวียต
"ความ เป็นไปได้ที่แย่ที่สุดในกรณีนี้ก็คือ จะมีสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาและมีอุปกรณ์ในโรงงานไฟฟ้าพลังงาน นิวเคลียร์ได้รับความเสียหาย แต่จะไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น ถ้าระบบระบายแรงดันของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้รับการแก้ไขอย่างระมัด ระวัง ก็จะมีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย และรั่วไหลในระยะไม่เกินรัศมี 3 กิโลเมตร" นาโอโตะ เซกิมูระ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว กล่าว ด้านนายวอลต์ แพ็ทเทอร์สัน นักวิชาการจากสถาบันวิจัยชาแธม เฮาส์ แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ยัง เป็นการเร็วไปที่จะบอกว่า เหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิม่าในประเทศญี่ปุ่น จะส่งผลร้ายแรงในระดับเดียวกันกับเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลหรือไม่ โดยเขาวิเคราะห์ว่าเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิม่าน่าจะเกิดขึ้น
การที่เชื้อเพลิงเหลวในโรงงานไปมีสัมผัสกับน้ำ
ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว-สึนามิที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มทะลุหลักพัน เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์3ญี่ปุ่นเกิดระเบิด
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2554
คมชัดลึก :ระเบิด ที่อาคารของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ในญี่ปุ่น สั่งประชาชนในรัศมี 20 กม.รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ให้อยู่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย
(14มี.ค.) เกิดเหตุระเบิดที่อาคารของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หมายเลข 3 ของจังหวัดฟุกุชิมาของญี่ปุ่นใน เช้าวันนี้ ทำให้เกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง โดยการระเบิดเกิดจากก๊าซไฮโดรเจนคล้ายกับการระเบิดที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 เมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่งสมของก๊าซไฮโดรเจนที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากการเติม น้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เพื่อระบายความร้อน หลังจากระบบความร้อนไม่ทำงานเนื่องจากระบบปิดอัตโนมัติหลังแผ่นดินไหว และก๊าซไฮโดรเจนทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจนจึงเกิดการระเบิด โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลง ว่า ประชาชนที่อยู่ในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จังหวัดฟุกุชิมะได้รับคำสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน เรือนเพื่อความปลอดภัย ขณะที่เวลานี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด และยังไม่มีความเสียหายต่อตัวคอนเทนเนอร์เหล็กที่ครอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ขณะเดียวกันผู้ว่าการกรุงโตเกียว ชินทาโร อิชิฮารา ได้สั่งให้มีการตรวจวัดระดับกัมมันตภาพรังสีในกรุงโตเกียว ด้านบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมา แจ้งต่อรัฐบาลในวันนี้ว่า ระดับการรั่วไหวของสารกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้าหมายเลข 1 เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าระดับปลอดภัยอีกครั้งแล้วในวันนี้ โดยวัดได้ 751 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมงเมื่อเวลา 2.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น และวัดได้ 650 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมงที่โรงไฟฟ้าหมายเลข 2 ในเวลา 2.40 น.ซึ่งเกินกว่าระดับปลอดภัยที่ 500 ไมโครซีเวิร์ต แต่ระดับสูงสุดที่วัดได้เมื่อวานนี้สูงถึง 1557.5 ไมโครซีเวิร์ต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเลื่อนมาเป็นวันนี้ (14) เนื่องจากในวันอังคาร จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล สำหรับการประชุมครม.วันนี้ มีระเบียบวาระ การพิจารณา 13 เรื่อง เพื่อทราบ 20 เรื่อง และการแต่งตั้งข้าราชการ 5 เรื่อง วาระที่น่าสนใจอาทิ กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ ครม.อนุมัติงบประมาณ ราว 200 ล้านบาท เพื่อจัดหาซื้อสิ่งของ เช่น เครื่องนุ่งหุ่มกันหนาว เครื่องอุปโภค-บริโภค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น โดยกระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้อนุมัติ ส่งความช่วยเหลือ เป็นข้าวสาร จำนวน 50,000 ตัน ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ หรือ ไอเออีเอ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากบริษัทโตโฮกุ อิเล็กทริก เพาเวอร์ ว่า ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ในระดับที่ 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอนาวาวะ หลังพบการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีในปริมาณสูงบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าดัง กล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหาที่มาของการรั่วไหล ทั้งนี้ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 3 เครื่องภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอนาวาวะ ยังทำงานเป็นปกติและอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ ก่อนหน้านี้ เกิดความหวั่นวิตกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะจะเกิดระเบิดเหมือนกับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 เนื่องจากมีไฮโดรเจนสะสมปริมาณมาก หลังจากน้ำในระบบหล่อเย็นลดน้อยลง ถึงแม้โรงงานได้สูบน้ำทะเลเข้าไปในเตาปฏิกรณ์เพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้น แล้วก็ตาม
'Catastrophic' radiation exposure, more blasts at Fukushima nuclear reactor
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews Japan's Prime Minister has addressed the nation as fears intensify about a possible nuclear meltdown at a power-plant struck by last Friday's catastrophic earthquake and tsunami. The company running the Fukushima nuclear power plant has admitted meltdown is a possibility following 2 fresh explosions at the complex. There are also fears of radioactive leakage with reports of damage to the structure protecting the reactor.
เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 2 ญี่ปุ่นระเบิดเช้าวันนี้ ระดับกัมมันตรังสีพุ่งขึ้น 8 เท่า
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:56:55 น. เกิด เหตุระเบิดขึ้นที่ตัวอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 ที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 250 กม. ในช่วงเช้าวันนี้ (15 มี.ค.) เวลาประมาณก่อน 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ โค (เทปโก) เผยวันนี้ (15 มี.ค.)ว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นใกล้กับบริเวณบ่อน้ำลดแรงกดดัน ในตัวอาคารเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 2 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ เทปโก ระบุด้วยว่า แรงระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 นับแต่โรงงานได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และคลื่นยักษ์สึมามิ ยังส่งให้คนงานได้รับบาดเจ็บ 15 คน ทั้งยังได้สั่งอพยพคนงานบางส่วนเป็นการชั่วคราวแล้ว โดยบ.โตเกียว อิเล็กทริค พาวเวอร์ (เทปโก) กล่าวว่า ระดับสารกัมมันตรังสีโดยรอบจังหวัดฟุกุชิมาในรอบ 1 ชม.หลังเกิดเหตุการณ์ พุ่งขึ้นถึง 8 เท่าของระดับปกติตามที่กฏหมายกำหนดตลอดทั้งปี ผลการอ่านค่าระดับสารกัมมันตรังสี เมื่อเวลา 08.31 น. ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งขึ้นถึง 8,217 ไมโครซีเวิร์ต ภายใน 1 ชม. จากระดับ 1,941 ไมโครซีเวิร์ต 40 นาทีก่อนหน้านี้ ขณะที่ระดับที่กฏหมายกำหนดอยู่ที่ 1,000 ไมโครซีเวิร์ต อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การรั่วไหลในวงกว้างที่ระดับ 1 ล้านไมโครซีเวิร์ต จึงจะส่งผลกระทบให้เกิดการเจ็บป่วยจากสารกัมมันตรังสี เจ้าหน้าที่จำนวน 50 คนอพยพออกจากโรงไฟฟ้าแล้ว แต่ผลบ่งชี้ในเบื้องต้นระบุว่า ระดับการรั่วไหลไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับการรั่วไหลก่อนหน้านี้ ขณะที่ทหารได้อพยพประชาชนอีก 190 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยง ที่จะได้รับสารกัมมันตรังสี หากเกิดการรั่วไหลขึ้นมา ขณะที่นายยูคิโอะ เอดาโน หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถชี้ขาดได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เตาปฏิกรณ์ทั้ง 3 จะการเกิดการหลอมละลายหรือไม่ ขณะที่ยังคงมีการฉีดน้ำทะเลเข้าไปยังเตาปฏิกรณ์เพื่อลดความร้อนของอันจะก่อ ให้เกิดความเสียหายเสียหาย "ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่มีความมั่นคง" เขากล่าวในเช้าวันนี้ สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า ระดับของกัมมันตรังสีเพิ่มขึ้นในวันนี้ที่บริเวณทางเหนือของกรุงโตเกียว หลังจากเกิดการระเบิดเป็นครั้งที่ 3 ที่เตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะที่ถูกแผ่นดินไหว เกียวโดระบุว่าตรวจพบกัมมันตรังสีสูงขึ้นที่จังหวัดอิบะระกิ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดฟูกุชิมะกับกรุงโตเกียว ซึ่งก่อนหน้านี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 250 กิโลเมตร ได้เกิดการระเบิดของไฮโดรเจนเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่วันเสาร์เป็นต้นมา และล่าสุดมีรายงานว่าบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ หรือเทปโก้ ซึ่งดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ ได้อพยพคนงานออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะทั้ง 2 โรงแล้ว ด้านสำนักข่าวจิจิรายงานว่า การระเบิดครั้งใหม่ที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ สร้างความเสียหายให้หลังคาเหนือเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2Radiation-leak fears at Japan plant
Uploaded by AlJazeeraEnglish on Mar 14, 2011
Events have taken a turn for the worse in Japan. The prime minister has warned people living within 30 kilometres of a nuclear plant damaged by Friday's earthquake to stay indoors. Naoto Kan made the announcement during a press conference after a third explosion was reported at Fukushima, triggering more concerns about contamination of the atmosphere.วอนญี่ปุ่น-เทปโก้คำนึงวิกฤตินิวเคลียร์
วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2554 คมชัดลึก :ผู้ เชี่ยวชาญเตือนความรุนแรงของเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น อาจอยู่ใกล้ระดับรองจากระดับสูงสุด ขณะที่ผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเตือนให้รัฐบาล และผู้บริหารโรงไฟฟ้าตระหนักถึงความรุนแรงของวิกฤติให้มากกว่านี้ เผยระดับสารกัมมันตรังสีในโตเกียวเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปกติ แต่ยังไม่ส่งผลต่อสุขภาพ ชี้ใช้น้ำทะเลระบายความร้อนส่อนิวเคลียร์วิกฤติ แผ่นดินไหวส่งผลกระทบหนักต่อศูนย์กลางอุตสาหกรรมในภูมิภาคโตโฮกุ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดร่วงลงไป10.55% (15มี.ค.) อังเดร โคลด-ลาคอสต์ ผู้อำนวยการสำนักงานความปลอดภันนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสแสดงความเห็นเมื่อวานว่า เหตุการณ์ระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะของญี่ปุ่นมีความรุนแรงในระดับอย่างน้อย 5 หรือ 6 จากเกณฑ์สากลที่ระดับสูงสุด คือ ระดับ 7 เหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะหมายเลข 1 ในญี่ปุ่น รุนแรงกว่า เหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนเกาะทรี ไมล์ในสหรัฐ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5 แต่น้อยกว่าเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในสหภาพโซเวียตที่มีความรุนแรงระดับ 7 ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 เมื่อวานและหมายเลข 2 วันนี้ ญี่ปุ่นประเมินไว้ที่ระดับ 4 ขณะที่ผู้รอดชีวิตหลายคนจากเหตุการณ์สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูในเมืองฮิโรชิ มาและนางาซากิสมัยสงครามโลกครั้งที่สองแสดงความกังวลต่อวิธีการที่รัฐบาลและ บริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ หรือ เทปโก้ แก้ไขสถานการณ์ที่โรงไฟฟ้า โดยหญิงชรา วัย 80 ปี บอกว่า การที่รัฐบาลและบริษัทบอกว่าระดับการรั่วไหลยังไม่เป็นอันตรายนั้น คิดว่าเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป และจากประสบการณ์ที่ตัวเองต้องป่วยเรื้อรังหลังได้รับสารกัมมันตรังสี เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก จึงอยากให้มีการตะหนักถึงความรุนแรงของวิกฤติที่เกิดขึ้นให้มากกว่านี้ ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง วิจารณ์ผู้ควบคุมโรงไฟฟ้าอย่างรุนแรง โดยบอกว่า ทีวีรายงานการระเบิดไปแล้ว แต่ไม่มีข้อมูลอะไรส่งถึงสำนักงานของเขานานถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง และเขายังใช้ถ้อยคำรุนแรงด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นเกีย วโดอ้างว่าหนึ่งในนักข่าวของเกียวโดได้ยินคำพูดดังกล่าวตอนนายกรัฐมนตรีร่วม ประชุมกับผู้บริหารของเทปโก้ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท แต่ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงเหตุระเบิดครั้งไหน เพราะก่อนหน้านี้มีการระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 และหมายเลข 1 และมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีได้บอกให้บริษัทอย่าได้อพยพคนงานจากโรงไฟฟ้า เพราะหากอพยพไปจริง โรงไฟฟ้าจะพังย่อยยับแน่ และขอให้คนงานทุกคนมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขสถานการณ์ทั้งนี้บริษัทได้สั่ง อพยพคนงานหลังจากการระเบิดในเช้าวันนี้ แต่ยกเว้นคนงานที่ยังต้องทำหน้าที่ควบคุมการระบายความร้อนของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ระดับสารกัมมันตรังสีในโตเกียวเพิ่มสูงขึ้น มีรายงานว่าวัดสารกัมมันตรังสีได้ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นวันนี้ โดยอยู่ในระดับเกินกว่าปกติเกือบ 20 เท่า แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยอยู่ในระดับ 0.809 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง ขณะที่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาวัดได้แค่ 0.079 ไมโครซีเวิร์ต ขณะที่ระดับปลอดภัย คือ 500 ไมโครซีเวิร์ต ปริมาณสารกัมมันตรังสีที่เพิ่มขึ้นมีขึ้นหลังการระเบิดของอาคารปฏิกรณ์ซึ่ง เป็นที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมาย เลข 2 ในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ หมายเลข 1 ในจังหวัดฟุกุชิมะ เมื่อเช้านี้โรงไฟฟ้าอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว 250 กม.หลังจากเกิดการระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 1 เมื่อวันเสาร์ และหมายเลข 3 เมื่อวานนี้ รัฐบาลยอมรับว่าระดับของการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีในบริเวณใกล้โรง ไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คังขอให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมีระหว่าง 20-30 กม.จากโรงไฟฟ้าให้อยู่แต่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท หลังระดับการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่บริเวณใกล้อาคารปฏิกรณ์นิวเคลียร์ สูงขึ้นถึง 400 เท่าของระดับที่ร่างกายของคนเราจะได้รับตามธรรมชาติในเวลา 1 ปีส่วนคนที่อยู่ในระยะไม่ถึง 20 กม.จากโรงไฟฟ้าได้อพยพออกจากบ้านเรือนไปกว่า 2 แสนคนก่อนหน้านี้แล้วนับตั้งแต่การระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 1 เมื่อวันเสาร์ ส่วนสถานการณ์ไฟไหม้ที่บริเวณชั้น 4 ของอาคารปฏิกรณ์หมายเลข 4 ที่โรงไฟฟ้าหมายเลข 1 เมื่อเวลา 9.38 น.เช้านี้ตามเวลาท้องถิ่น และหลังคาชั้น 5 ได้รับความเสียหายด้วย แต่สามารถดับไฟได้แล้ว ชี้ใช้น้ำทะเลระบายความร้อนส่อนิวเคลียร์วิกฤติ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลี่ เมล ของอังกฤษ รายงานว่า ในการทำงานแข่งกับเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์เกิดการหลอมละลายนั้น ญี่ปุ่นได้ขอความช่วยเหลือไปยังสหรัฐ ให้เข้าช่วยควบคุมเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 แห่ง ที่กำลังทวีความร้อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะน้ำที่ฉีดเข้าไประบายความร้อน เหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว และนับเป็นการขอความช่วยเหลือหลังจากเกิดการระเบิดที่อาคารปฏิกรณ์แห่งที่ 3 ของโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ฟูกิชิม่าไดอิชิ ขณะที่สารกัมมันตรังสี ยังคงรั่วออกมาและเป็นจังหวะเดียวกับอาคารปฏิกรณ์แห่งที่ 4 เกิดไฟไหม้ นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ได้เตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากการรั่วของสารกัมมันตรังสีและบอกให้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 30 กิโลเมตร อยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากระดับของสารกัมมันตรังสีรอบ ๆ โรงไฟฟ้า กำลังเพิ่มสูงขึ้น ด้านนายยูคิโอะ เอดาโนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาล แถลงว่า กำลังมีการหารือกันถึงระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า แท่งเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่ง กำลังหลอมละลาย แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ด้าน สถานทูตฝรั่งเศส ในกรุงโตเกียว ได้เตือนเป็นเชิงให้คำแนะนำว่า ลมอาจพัดพาเอาสารกัมมันตรังสีเข้าสู่โตเกียวภายในเวลา 10 ชั่วโมง ด้านผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เหตุการณ์ที่จะกลายเป็นฝันร้าย ก็คือ การหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ อาจจะสร้างแรงดันมหาศาลภายในคอนเทนเมนท์ และถ้าคอนเทนเมนต์แรก ทั้งก๊าซและฝุ่นกัมมันตรังสี ก็จะฟุ้งกระจายออกไปในอากาศเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร มีรายงานว่า คนงานหลายคนของโรงไฟฟ้า พากันหนีออกไปตั้งแต่เมื่อคืน หลังเกิดระเบิดที่อาคารปฎิกรณ์อีกเป็นครั้งที่ 3 ท่ามกลางความวิตกว่าจะเกิดการหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ขณะเจ้าหน้าที่ของบริษัทโตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ หรือ เทปโก้ ก็ไม่ได้เร่งรีบจัดการแถลงข่าว ในกรุงโตเกียว เพื่ออภัยในความไม่สะดวกต่อสาธารณชน แต่กลับปกปิดรายละเอียดเกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ขณะนี้มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบกรุงโตเกียว อพยพออกจากบ้านเรือนแล้ว 180,000 คน และมีคนที่สัมผัสกับสารกัมมันตรังสีแล้ว 190 คน ส่วนอีกเกือบ 2 ล้านคน ไม่มีไฟฟ้าใช้โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อากาศเย็นจัดถึงจุดเยือกแข็ง และอีก 1.4 ล้านครัวเรือน ไม่มีน้ำประปาใช้ ส่วนการใช้น้ำทะเลช่วยระบายความร้อนของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์นั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ มองว่า น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 57 ปี ที่มีการใช้น้ำทะเลที่มีฤทธิ์กัดกร่อนช่วยระบายความร้อน และนี่น่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ญี่ปุ่นอาจจะเจออุบัติเหตุร้ายแรง แม้ว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ภาย ในอาคารปฏิกรณ์จะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวนั้น ระบบทำงานที่ควบคุมสารกัมมันตรังสีในแท่งเชื้อเพลิง ทั้งยูเรเนียมและพลูโตเนียม อาจได้รับผลกระทบจากความล้มเหลวของระบบระบายความร้อน และการระเบิดได้เกิดขึ้น ในช่วงที่วิศวกรได้พยายามจะระบายความร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงดันภายในแต่อุณหภูมิที่สูงสุดขีด หรือที่เรียกว่า ซูเปอร์ฮีท อาจทำให้ไอน้ำแยกตัวออกเป็นไฮโดรเจนและอ๊อกซิเจน ที่ทำให้เกิดติดไฟ และสร้างความเสียหายให้กับอาคารปฏิกรณ์ ถ้าระบบหล่อเย็น หรือ การระบายความร้อนด้วยการฉีดน้ำเข้าไปล้มเหลว แท่งเชื้อเพลิงก็จะหลอมละลาย ซึ่งในกรณีที่ร้ายแรง สารกัมมันตรังสีจะไหลสู่พื้นและก่อให้เกิดการปนเปื้อนมีรายงานว่า กองทัพเรือสหรัฐ ได้นำเรือออกจากพื้นที่ภัยพิบัติทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หลังจากลูกเรือ 17 คน ของเฮลิคอปเตอร์ ที่ไปช่วยกู้ภัย ต้องไปรักษาตัวอยู่ในเรือบรรทุกเครื่องบิน เพราะได้รับสารกัมมันตรังสี http://www.abc.net.au/news/events/japan-quake-2011/beforeafter.htmCoverup and Denial in Japan
By Stephen Lendman Discount all official government statements and major media reports repeating them instead of demanding expert, unbiased views. Officially, Japan’s nuclear emergency is under control and contained. In fact, lies substitute for truths, denial for reality, and managed news for honest reporting. Point of fact: Besides its catastrophic quake, tsunami, destructive aftershocks, and resulting humanitarian crisis, Japan is experiencing a developing nuclear catastrophe, the full extent not known until independent sources reveal it. On March 12, a huge explosion rocked Fukushima’s Unit 1 reactor. Reports said its containment chamber was intact. Independent experts are skeptical, believing at least some damage occurred, perhaps a major breach now covered up. Japan’s Nuclear and Industrial Safety Agency (NISA) blamed a core meltdown for the explosion, releasing hazardous atmospheric radioactive cesium-137 and iodine-131. Greenpeace said: “This proves once and for all that nuclear power cannot ever be safe. Japan’s nuclear plants were built….to withstand natural disasters, yet we still face potential meltdown” disaster. Nuclear expert Helen Caldicott said atmospheric cesium-137 and iodine 131 releases pose grave human health risks. “All of these substances can cause cancer and genetic diseases either in the near or long term.” Why are “we mad enough to introduce this disastrous form of energy into our lives,” knowing major catastrophes are inevitable, especially in earthquake prone areas like Japan, California, and other vulnerable locations, many throughout the world. Caldicott added in an email to this writer that the situation is “beyond terrifying!!!” Moreover, downplaying the potential severity is outrageous, irresponsible and criminal. Literally, millions of lives potentially are at risk. Further, nothing short of shutting down and dismantling all nuclear facilities is crucial. They’re all ticking time bombs waiting to explode, especially ones in seismically active areas. On March 12, nuclear expert Karl Grossman’s CounterPunch article headlined, “Don’t Worry, It’s Just a Little Radiation,” saying: Lies always follow major events like Fukushima. Saying modest atmospheric radiation levels won’t have long-term environmental and human health effects is deceitfully false. Grossman quoted the US Nuclear Energy Institute (NEI – the industry trade group) stating: “The Japanese prime minister and the industry safety agency say all plants in the country are safe and that there has been no radiation release from any reactors,” when, in fact, NISA confirmed it with few details. On March 13, NEI said there’s no danger of a Chernobyl-like event, when, in fact, the threat potential far exceeds it. “Japanese nuclear facilities are designed to withstand powerful seismic events,” it said. In fact, substantial damage occurred, its full extent not revealed. Like Japan’s prime minister and other government officials, NEI is paid to lie to protect powerful member interests like General Electric. Its Nuclear Energy division is a major producer of “advanced reactor technologies” and related services. Moreover, claiming failsafe systems prevent nuclear disasters is patently false, Grossman saying: “In fact, like any machinery, nuclear plants can – and regularly do – undergo accidents. The big difference with atomic energy: the malfunctions can end up killing large numbers of people and impact other life as well.” At worst, however, entire countries, regions or planet earth may be catastrophically harmed. Potentially, Japan’s meltdown triggered that type event. Full scale damage control is concealing it, or at least the possibility that it’s happening. Chernobyl’s disaster, in fact, affected the entire Northern Hemisphere, killing almost a million people. Multiple Japanese reactor meltdowns may far exceed it, Grossman saying: “Nuclear power plants are, in fact, life-threatening wherever they are – they represent the most dangerous way to boil water ever devised.” Readily available “(w)ind, solar and geothermal energy and other forms of safe, clean power would” prevent the deadly fallout from Japan’s catastrophe, threatening the entire Pacific rim and beyond, but using them would be bad for business. Companies like GE have plenty of clout to prevent it, placing bottom line priorities above humanity’s survival. Second Nuclear Explosion Rocks Japan On March 14, Reuters headlined, “Japan grapples with nuclear crisis,” saying: A second explosion blew off a containment facility’s roof. A third reactor’s cooling system failed. Officials claimed no reactor’s been harmed. As explained above, independent experts are skeptical, believing powerful explosions damage or destroy everything nearby, what official reports won’t reveal. As a result, “Japan scrambled to avert (multiple) meltdown(s) at a stricken nuclear reactor on Monday.” Live NHK video showed the reactor facility’s skeletal remains, thick smoke rising and spreading. Multiple injuries were reported. Workers inside were exposed to extremely high radiation levels endangering their lives. Thousands of quake/tsunami-related deaths are confirmed. Tens of thousands are missing and unaccounted for. In Otsuchi, ICRC’s Patrick Fuller described “a scene from hell, absolutely nightmarish.” As many as 10,000 people, half the town’s population, may have perished, besides many others in Northern Japan. Spreading Atmospheric Radiation Massive atmospheric radiation is feared, frantic Fukushima engineers trying to contain it. Multiple reactors are affected. Full scale official and media damage control efforts are suppressing bad news. The IAEA said Japan added a third troubled plant, Onagawa, to others under a state of emergency because of failed cooling systems and radiation releases. Later reports suggested Onagawa experienced no leaks, whether or not true. Be skeptical. On March 13, New York Times writers David Sanger and Matthew Wald headlined, “Radioactive Releases in Japan Could Last Months, Experts Say,” stating: Flooding two stricken reactors with corrosive seawater (rendering them henceforth inoperable) is “a desperate step to avoid a much bigger problem: a full meltdown,” perhaps ongoing but concealed. Japanese officials and media reports call it “partial.” Radioactive steam is being released to relieve pressure, spreading atmospheric poison. A widening area is being contaminated. Tens of thousands evacuated “may not be able to return to their homes for a considerable period,” perhaps never, depending on contamination levels. “More steam releases also mean (spreading contamination) across the Pacific….” Discount America’s Nuclear Regulatory Commission saying: “Hawaii, Alaska, the US Territories, and the US West Coast are not expected to experience any harmful levels of radioactivity.” False! Atmospheric winds and rain potentially may contaminate planet earth, some areas more than others. A worried unnamed official said, “under the best scenarios, this isn’t going to end anytime soon,” or perhaps well. Another concern affects some Japanese reactors plus others in France and Germany. They use mox (mixed oxide) fuel, containing reclaimed plutonium – the most hazardous known substance. When ingested, a tiny spec can kill. Larger inhaled atmospheric amounts could devastate whole cities. Two damaged Fukushima units use it, Nos. 2 and 3. Sanger and Wald added: “Inside the plant….there was deep concern that spent nuclear fuel that was kept in a ‘cooling pond’ (began) letting off potentially deadly gamma radiation. Then water levels inside the reactor cores began to fall. (An estimated) top four to nine feet of nuclear fuel in the core and control rods appear to have been exposed to the air – a condition that” caused melting, potentially a “full meltdown” that may, in fact, be happening. Using corrosive seawater may, in fact, not work. Because of high containment vessel pressure, forcing it inside is like “trying to pour water into an inflated balloon,” according to one unnamed source. It’s not clear how much water is getting in and whether cores are covered. Damaged gauges make knowing it impossible, so doing it is seat-of-the-pants, a “Hail Mary” attempt at best. Operating 55 nuclear facilities, Japan relies heavily on them for electricity, at present 30%, a figure expected to reach 50% by 2030 if planned additions are completed. Tokyo Electric Power’s (TEPCO) Shoddy Maintenance and Safety Record On March 12, Los Angeles Times writers Mark Magnier and Barbara Demick headlined, “Japanese fearful as nuclear crisis builds,” saying: “(M)any Japanese don’t trust (what) authorities (tell) them” anymore. Moreover, they “have an uncomfortable relationship with nuclear power” and TEPCO, Fukushima’s operator. “As many people (know, it) has a history of not being forthcoming about nuclear safety issues, particularly those surrounding earthquake-related dangers.” In 2003, its 17 nuclear plants were temporarily shut for falsifying safety inspection reports. In 2006, it was learned that its coolant-water data at two plants were falsified in the 1980s. Critics have long expressed deep concern about safety at many of Japan’s nuclear facilities,” some dating from the 1970s and 1980s. Fukushima especially “has long been on critics’ radar, but so has the Hamaoka plant,” 100 miles southwest of Toyko on an active fault line. In fact, Kobe University Professor Emeritus Katsuhiko Ishibashi said: “I have been warning about Japan’s possibility of a genpatsu shinsai – a nuclear disaster,” explaining that many nuclear facilities are hazardously located in seismically unsafe locations. No one listened. On March 13, Kyodo News said another cooling system failed at Tokai’s No. 2 facility, 120 km from Tokyo. Emergency measures were taken. Unreliable reports say a backup pump and cooling system are operating. Fukushima’s No. 1 and 3 reactors experienced meltdowns. Kyodo called its No. 2 “troubled,” raising fears of the worst there, besides what’s happening at Tokai No. 2 and perhaps other quake/tsunami affected reactors. Third Reactor Explosion Rocks Japan On March 14, New York Times writers Hiroko Tabuchi, David Sanger and Keith Bradsher headlined, “Japan Faces Potential Nuclear Disaster as Radiation Levels Rise,” saying: “Japan’s nuclear crisis verged toward catastrophe” after a third explosion rocked another Fukushima reactor, “damag(ing) the vessel containing the nuclear core (spewing) large amounts of radioactive material into the air, according to the statements of Japanese government and industry officials.” Even top officials who lie admitted “a very high risk” exists. In fact, it’s well beyond “risk.” It’s reality, affecting all Japan, the Pacific rim, and beyond. Clearly, a major catastrophe is unfolding. What more is needed to demand an immediate shutdown and replacement of all nuclear facilities worldwide. Their continued use threatens all humanity. A Final Comment Of any magnitude, meltdowns aren’t minor, and no structures are earthquake or tsunami-proof. When most intense, Mother Nature prevails. Images of affected Japanese areas and damaged reactor facilities offer proof, besides the potentially massive, widespread human toll. Sunday, March 13, on the Progressive Radio News Hour, Karl Grossman explained Japan’s “nuclear emergency,” discussed in detail on his blog site, accessed through the following link: http://karlgrossman.blogspot.com/2011/03/japan-nuclear-emergency.html Nuclear plants use radioactive material for heat to generate electricity. Huge amounts are needed. To prevent overheating, “vast amounts of coolant are required, up to a million gallons of water a minute.” Without it, meltdowns occur, because “in less than a minute,” temperatures can reach 5,000 degrees Fahrenheit – hot enough to “burn through the cement bottom of the nuclear plant” to earth beneath. Nuclear scientists call it the “China syndrome,” meaning “it descends to the water table underlying a plant. Then, in a violent reaction, molten core and cold water combine, creating steam explosions and releasing a plume of radioactive poisons.” Where it spreads depends on wind velocity, direction, and rain. Nuclear reactors are vulnerable, life-threatening, and “the most dangerous way to boil water ever devised.” Deactivating them is essential, especially when safe alternatives exist, so far spurned to pad bottom lines for companies like GE, concerned about profits, not human safety. Stephen Lendman lives in Chicago and can be reached at lendmanstephen@sbcglobal.net. Also visit his blog site at sjlendman.blogspot.com and listen to cutting-edge discussions with distinguished guests on the Progressive Radio News Hour on the Progressive Radio Network Thursdays at 10AM US Central time and Saturdays and Sundays at noon. All programs are archived for easy listening.Uploaded by thetruthergirls on Mar 16, 2011
Will the spent fuel rods catch on fire and create a far worse problemthan the meltdown of the reactor itself?
http://www.metronews.ca/calgary/world/article/803627--japan-crisis-spikes-demand-for-radiation-pills
most of them are here:
วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2554
คมชัดลึก : ผู้เชี่ยวชาญประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของเหตุระเบิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ญี่ปุ่น ย้ำชัดไม่พบความเป็นไปได้ที่แท่งเชื้อเพลิงจะระเบิด แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือนลดความร้อนในเตาปฏิกรณ์ให้อยู่ระดับปกติ ด้าน ปส.ชี้สารกัมมันตรังสีฟุ้งไกลสุดไม่เกิน 30 กิโลเมตร พร้อมเฝ้าระวังใกล้ชิด เตือนคนไทยอย่าตระหนก (17มี.ค.) นายสมพร จองคำ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (สทน.) กล่าวว่า สถานการณ์ความเสียหายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ ประเทศญี่ปุ่น ยังอยู่ในความสามารถที่จะควบคุมของเจ้าหน้าที่ แม้ว่าแท่งเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าที่ 1 และ 3 เกิดการหลอมละลายไปแล้วบางส่วน แต่การหลอมละลายดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่แท่งเชื้อเพลิงจะเกิดการระเบิดแทบเป็น "ศูนย์" การที่แท่งเชื้อเพลิงจะระเบิดได้นั้น จะต้องอยู่ในสภาวะที่เตาปฏิกรณ์กำลังเดินเครื่อง แต่ปัจจุบันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 4 โรงได้หยุดเดินเครื่องไปแล้ว เพียงแต่ต้องรอให้อุณหภูมิของแท่งเชื้อเพลิงที่มีอยู่ 400-500 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิของความร้อนร่วมที่เกิดจากการแผ่รังสีความร้อนที่ 1,000 องศาเซลเซียสคลายความร้อนหรือเย็นตัวลงด้วยวิธีการเดียวคือ การฉีดน้ำทะเลหล่อเลี้ยง ทดแทนระบบหล่อเย็นเดิม ซึ่งเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ คาดว่าอาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 วันถึงจะคลายความร้อน นายสมพร ยืนยันว่า ปริมาณสารสัมมันตรังสีทั้งไอโอดีนและซีเซียมที่แพร่ออกสู่ภายนอก จะอยู่บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร เนื่องจากแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ยังไม่เกิดการระเบิด แตกต่างจากกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์ โนบิล ที่แท่งเชื้อเพลิงเกิดการระเบิด มีควันพวงพุ่งสู่อากาศและลมพัดฝุ่นรังสีไปเป็นบริเวณกว้าง ส่วนความวิตกกังวลที่ว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ 5, 6 และ 7 ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันจะระเบิดตามมาด้วยหรือไม่นั้น นายสมพร กล่าวว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากทั้ง 3 โรงเป็นโรงที่สร้างขึ้นใหม่ ต่างจาก 4 โรงแรกที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งสร้างมานานกว่า 40 ปี ศ.ถิรพัฒน์ วิลัยทอง ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางฟิสิกส์ ให้ความเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ ล่าสุดได้รับอีเมล์จากนักฟิสิกส์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งประเมินว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถความคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด และไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับกรณีอุบัติเหตุโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถระบายความร้อนได้ดีแค่ไหน ด้านเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ยืนยันว่า ปริมาณรังสีที่เกิดจาการควบคุมเตาปฏิกรณ์ จะไม่แพร่ไปไกลเกิน 30 กิโลเมตรจากสถานที่เกิดเหตุ ประกอบกับสภาพอากาศที่มีทั้งฝนและหิมะทำให้รังสีไปได้ไม่ไกล แต่อย่างไรก็ตาม ปส. ยังคงตรวจวัดและเฝ้าติดตามปริมาณรังสีในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสบายใจของประชาชน โดยยืนยันว่าทันทีที่พบปริมาณรังสีในอากาศมากกว่า 1 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง จะแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบและปฏิบัติตามมาตรการระวังภัยทันที บ่อแช่แท่งเชื้อเพลิงญี่ปุ่นยังปล่อยสาร
คมชัดลึก :ญี่ปุ่นกำลังจะเจออันตรายล่าสุด คือ บ่อแช่แท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว ที่ยังปล่อยสารกัมมันตรังสีได้ (17มี.ค.) เมื่อวิกฤติการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ หมายเลข 1 เปิดเผยออกมา โลกได้พุ่งความสนใจไปที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 เตาของโรงไฟฟ้า แต่ตอนนี้มีอันตรายหน้าใหม่ ที่อาจจะร้ายแรงกว่าเปิดตัวออกมาอีกซึ่งก็คือ บ่อแช่แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว บ่อมีความลึกประมาณ 14 เมตร ใช้เป็นที่จัดเก็บแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ซึ่งถูกนำออกมาจากเตาปฏิกรณ์ แต่ยังคงปล่อยกัมมันตภาพรังสีในระดับสูง แท่งเชื้อเพลิงเหล่านั้นจะถูกแช่อยู่ในน้ำเย็นนานหลายปี กว่าความร้อนในตัวของมันจะลดลง จนสามารถนำไปจัดเก็บได้ ปัจจุบัน ความร้อนของแท่งเชื้อเพลิงในบ่อแห่งหนึ่งกำลังทำให้น้ำระเหยกลายเป็นไอ ขณะที่ในอีก 2 บ่อ อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปั๊มที่นำน้ำเย็นเข้าไป เกิดไม่ทำงานจากเหตุสึนามิเมื่อวันศุกร์ แม้เจ้าหน้าที่ได้พยายามแก้ปัญหาทุกวิถีทาง แต่น้ำในบ่อเหล่านั้นยังอาจจะแห้งได้ และแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จะสัมผัสกับอากาศ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อุณหภูมิของแท่งเชื้อเพลิงก็อาจจะสูงขึ้นถึงขั้นละลาย หรือเกิดไฟลุกขึ้นได้ เมื่อนั้น ระดับของกัมมันตภาพรังสี ก็อาจพุ่งขึ้นถึงระดับอันตรายสูงสุด ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อแก้ไขวิกฤติได้ รวมทั้งยังขยายผลไปถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปด้วย สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดตอนนี้ก็คือ บ่อของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ที่ปัจจุบันไม่มีอะไรมากักสารกัมมันตรังสีไม่ให้กระจัดกระจายออกไป เพราะอาคารที่เป็นที่ตั้งของบ่อ เจอทั้งเหตุระเบิดและไฟไหม้ นั่นก็หมายความว่า หากสารกัมมันตรังสี ไอโอดีน 131 ซีเซียม 137 และอื่นๆ ถูกปล่อยออกมาจากแท่งเชื้อเพลิง สารเหล่านั้นจะสามารถขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยตรง ที่ต่างไปจากเตาปฏิกรณ์ ก็คือบ่อเหล่านี้อยู่นอกส่วนที่เรียกว่าคอนเทนเมนต์ ซึ่งก็คือเปลือกที่สร้างจากคอนกรีตและเหล็กกล้า เพื่อใช้ครอบเตาปฏิกรณ์สำหรับป้องกันการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ฝ่ายความปลอดภัยนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสกล่าวว่า บ่อแท่งเชื้อเพลิงของเตาหมายเลข 4 คือความวิตกกังวลสำคัญของวิกฤติการณ์ครั้งนี้ จากการประเมินเมื่อช่วงบ่ายของวันพุธ เชื่อว่าน้ำในบ่อกำลังเดือด และหากไม่มีการเพิ่มน้ำเข้าไป แท่งเชื้อเพลิงก็จะเริ่มสัมผัสกับอากาศในอีกไม่กี่วัน และหากน้ำในบ่อหมด แท่งเชื้อเพลิงก็จะละลายในที่สุด ด้านสหภาพนักวิทยาศาสตร์ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐ กล่าวเช่นกันว่า บ่อหมายเลข 4 เป็นปัญหาเพราะแท่งเชื้อเพลิงเพิ่งถูกนำออกจากเตาเมื่อเดือนธันวาคม จึงยังมีระดับของกัมมันตภาพรังสีสูงมาก และมีความร้อนสูงกว่าแท่งเชื้อเพลิงที่เอาออกมาจากเตาอื่น และแม้ในบ่อจะมีน้ำเต็ม ระดับของกัมมันตภาพรังสีที่คนซึ่งเดินผ่านบ่อในเวลาไม่ถึงนาทีต้องเจอ ก็ยังถือว่าสูงถึงระดับอันตราย สำหรับบ่อของเตาที่ 5 และ 6 ซึ่งเหมือนกับเตาที่ 4 คืออยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงตอนที่เกิดแผ่นดินไหว ก็กำลังมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างช้าๆ และหากไม่มีการทำให้เย็นลง ในอีกไม่กี่วันก็จะเดือด แต่มีรายงานว่า ญี่ปุ่นกำลัง นำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเข้าไปเพิ่ม เพื่อรับประกันว่าน้ำในบ่อจะยังคงเย็นต่อไป สำหรับสถานะของบ่อของเตาหมายเลข 1, 2 และ 3 ไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมา http://www3.nhk.or.jp/daily/english/18_35.html
Nuke plant disaster rating raised to Level 5
updated at 14:16 UTC, Mar. 18
The Japanese government raised its rating on Friday of the problems at the Fukushima Daiichi nuclear plant to the same level as the 1979 Three Mile Island accident. The Nuclear and Industrial Safety Agency revised upward its evaluation of the severity of the disaster by one notch to Level 5 on the International Nuclear and Radiological Event Scale. Level 5 is the third highest on the 8-notch scale and the worst for any nuclear accident to have happened in Japan. The agency says it raised the rating because more than 3 percent of the nuclear fuel has been damaged and radioactive material is leaking from the plant. The disaster's initial rating of Level 4 was the same as the fatal criticality accident that occurred at a nuclear fuel plant in Ibaraki Prefecture in 1999. Friday, March 18, 2011 20:01 +0900 (JST) http://www3.nhk.or.jp/nhkworld/
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000032429
“ปูติน” สั่งลุย หลัง “ญี่ปุ่น” ขอความช่วยเหลือ
ด้านพลังงานจาก “รัสเซีย”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2554 17:37 น.
วลา ดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย หารือร่วมกับ เซอร์เก คิริเยนโก หัวหน้าองค์การรอสอะตอม หน่วยงานด้านพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย วานนี้ (12) หลังเกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกูชิมะระเบิด ทั้งนี้ ไม่นานหลังคลื่นสึนามิถล่มเมืองชายฝั่งของญี่ปุ่น ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ได้เสนอความช่วยเหลือไปยังกรุงโตเกียว แม้ก่อนหน้านี้ ทั้งสองชาติมีปัญหาเรื่องพื้นที่พิพาท หมู่เกาะคูริล เอ เอฟพี - ญี่ปุ่นวอนรัสเซียช่วยเหลือด้านพลังงานเพิ่มเติมในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดิน ไหว-สึนามิ ซึ่งกำลังเตรียมพร้อมรับมือวิกฤตขาดแคลนไฟฟ้า หลังเผชิญมหันตภัยทางธรรมชาติ รัฐบาลรัสเซียแถลง ณ การประชุมวาระพิเศษ กรณีความเสียหายจากแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ในญี่ปุ่น วลาดิมีร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ปรารภขึ้นมา ว่า กรุงมอสโกควรทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน โดยรองนายกรัฐมนตรีด้านพลังงานรัสเซีย ออกมาระบุ ว่า ได้รับคำขอทรัพยากรน้ำมันช่วยเหลือเพิ่มเติมจากญี่ปุ่น “เพื่อน บ้านของเรากำลังเจอโศกนาฏกรรม และความสูญเสียครั้งใหญ่” นายกรัฐมนตรีปูติน กล่าวระหว่างการประชุมวาระพิเศษ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (12) โดยระบุว่า ควรให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นทั้งหมดแก่ญี่ปุ่น แม้ว่า “ทั้งสองประเทศมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาตั้งแต่อดีต” กรณีพื้นที่พิพาทหมู่เกาะคูริล ด้านรัฐบาลรัสเซียนำความเห็นของปูตินในที่ประชุมมาเผยแพร่อีกต่อหนึ่ง ว่า “ญี่ปุ่นเป็นมิตรประเทศที่วางใจได้มาตลอดหลายปี เราต้องทำทุกอย่าง เพื่อช่วยญี่ปุ่นในสภาพการณ์เช่นนี้” ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-ญี่ปุ่น ตึงเครียด จากประเด็นหมู่เกาะคูริล ซึ่งกองทัพโซเวียตบุกยึดครอง หลังญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หมู่เกาะพิพาทดังกล่าวตั้งอยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น และใต้สุดของรัสเซีย ความ ขัดแย้งเดือดขึ้นอีกระลอกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2010 เมื่อประธานาธิบดี ดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย เดินทางเยือนหนึ่งในสี่ของหมู่เกาะคูริล ซึ่งกรุงโตเกียวอ้างสิทธิ์ และชาวญี่ปุ่นโดยทั่วไปต่างรับรู้กัน ว่า เป็นดินแดนทางตอนเหนือของประเทศ อีกอร์ เซชิน รองนายกรัฐมนตรีด้านพลังงาน ออกมาเปิดเผย ว่า ญี่ปุ่นได้ร้องขอไปยัง แกซพรอม (Gazprom) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ในการควบคุมของรัฐ ให้ส่งมอบก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ช่วยชาวญี่ปุ่นเพิ่มเติม โดยขณะนี้ ทางบริษัทกำลังวางแผนเปลี่ยนเส้นทางเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินไปที่อื่น ให้หันกลับมายังญี่ปุ่น รอง นายกรัฐมนตรีเซชิน กล่าวว่า “เราจะส่งเรือบรรทุกน้ำมัน 100,000 ตันไป 2 ลำ” และรัสเซียสามารถส่งก๊าซธรรมชาติเหลวให้ญี่ปุ่นมากถึง 500,000 ตัน หากบริษัทในญี่ปุ่นยื่นเรื่อง และมีการเจรจากัน อีกอร์ เซชิน ยังยืนยันเพิ่มเติมว่า รัเสซียพร้อมเพิ่มความช่วยเหลือด้านถ่านหิน และตัวแทนบริษัทไซบีเรียน โคล เอเนอร์จี จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า วันนี้ รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยออกมา ว่า การปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลายแห่ง อาจทำให้ประเทศขาดแคลนพลังงาน และอาจกลายเป็นช่วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีกระแสไฟฟ้า โดยรวมแล้ว เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 11 ตัวจากทั้งหมดราว 50 ตัว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ถูกปิดการทำงานแล้ว หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ เมื่อวันศุกร์ (11) ที่ผ่านมา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000032495
หวั่นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดอีก
“คัง” รับญี่ปุ่นอ่วมสุดตั้งแต่ WW2
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2554 21:05 น.
นาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการแถลงข่าว วันนี้ (13)
บี บีซี/ซีเอ็นเอ็น/เอเจนซี - ญี่ปุ่นยังคงเผชิญวิกฤตจากผลกระทบของสึนามิและธรณีพิบัติครั้ง ซึ่งถูกบันทึกว่ารุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกคราวนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ยังอาจต้องประสบหายนะด้านนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 25 ปี เมื่อเตาปฏิกรณ์เครื่องที่ 2 ของโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ซึ่งเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหว มีแนวโน้มจะระเบิดตามปฏิกรณ์เครื่องแรก หลังระบบหล่อเย็นภายในแกนล้มเหลว จนอาจทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายและแผ่สารกัมมันตภาพรังสีร้ายแรงออกมามาก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากธรณีพิโรธครั้งนี้ คาดว่า น่าจะพุ่งสูงเกินหมื่นราย โดยที่นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ออกมายอมรับว่าเป็นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 ทางด้านกระแสธารน้ำใจจากทั่วสารทิศก็ได้หลั่งไหลเข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างไม่ขาด สาย สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น ซึ่งรายงานสดเกาะติดสถานการณ์นับตั้งแต่ที่คลื่นยักษ์สึนามิระลอกแรกถาโถม เข้าใส่ชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ระบุโดยอ้างตัวเลขการประมาณการของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากมหันตภัยแผ่นดินไหวขนาด 8.9 คราวนี้เฉพาะที่จังหวัดมิยางิเพียงแห่งเดียวอาจจะพุ่งสูงเกิน 10,000 ราย ท่ามกลางปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังคงดำเนินไปอย่างไม่ลดละตั้งแต่ เมื่อวันศุกร์ (11) ขณะที่ยังมีรายงานการอุบัติของอาฟเตอร์ช็อกขนาดรุนแรงระดับ 7 ขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนสามารถรับรู้ได้ทั่วเกาะฮอนชู สำนัก งานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ประกาศยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจนถึงช่วงเช้าวันนี้ (13) อยู่ที่ 688 ราย โดยมีผู้สูญหาย 642 คน บาดเจ็บอีก 1,570 คน แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่นับรวมศพผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 400-500 ศพ ที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยหาดทางตะวันออกเฉียงเหนือ นอก เหนือจากวิกฤตด้านผู้เสียชีวิตแล้ว อีกด้านหนึ่ง บรรดาเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นก็ยังต้องเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อหาทาง ป้องกันไม่ให้แท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้าไดอิจิใน จังหวัดฟูกูชิมะ ซึ่งเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหว เกิดการหลอมละลายจากความร้อนที่สูงเกินไป โดยนักวิศวกรหลายคนได้หันไปใช้วิธีการสูบน้ำจากทะเลมาช่วยลดอุณหภูมิความ ร้อนภายในเครื่องปฏิกรณ์ หลังเกิดเหตุการณ์ที่ระบบหล่อเย็นฉุกเฉินของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ภายในโรงไฟฟ้าดังกล่าวเกิดล้มเหลววันนี้ (13) จนรัฐบาลแถลงเตือนว่า อาคารซึ่งสร้างครอบเตาปฏิกรณ์ดังกล่าวอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะระเบิดตาม อาคารของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ที่บึ้มไปก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (12) ส่วน ประชาชนหลายแสนคนยังคงอพยพและถูกสั่งไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ เสี่ยงรัศมีกว้าง 20 ตารางกิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าไดอิจิซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว 240 กิโลเมตร เนื่องจากมีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีในระดับที่สูง รวมทั้งยังสั่งให้ชาวบ้านอยู่พ้นจากรัศมี 10 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้าดังกล่าวใน จังหวัดฟูกูชิมะด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามจะคลายความหวาดวิตกของประชาชน ด้วยการประกาศว่าจะไม่เกิดเหตุระเบิดซ้ำร้อยดังเช่นที่เกิดขึ้นในวันเสาร์ “มันต่างจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ครั้งนี้เราได้ทำการลดแรงดันและฉีดน้ำเข้าไปลดอุณหภูมิตั้งแต่เนิ่นๆ” เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยูกิโอะ เอดาโน กล่าวในการแถลงข่าว และ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวยิงคำถามว่า แท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 มีการบางส่วนได้หลอมละลายไปหรือไม่ เอดาโนตอบว่า “มันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น แต่เราก็ไม่สามารถยืนยันอะไรได้เนื่องจากมันอยู่ในเตาปฏิกรณ์ ทว่าเราก็พยายามแก้ไขมันด้วยข้อสมมติฐานดังกล่าว” เขายังกล่าวด้วยว่าแท่งเชื้อเพลิงภายในเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 อาจมีบางส่วนที่ผิดแผกจากรูปเดิมไป ทว่าการหลอมละลายยังไม่น่าที่จะเกิดขึ้น แต่ กระนั้นเอดาโน เตือนว่า “มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดของอาคารครอบเตาปฏิกรณ์หมายเลขที่ 3 นี้ ทว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตัวแกนปฏิกรณ์” ขณะ ที่บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ (TEPCO) ผู้ได้รับสัมปทานดำเนินการจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในจังหวัดฟูกู ชิมะ ระบุว่า ระดับสารกัมมันตภาพรังสีรอบๆ โรงไฟฟ้าไดอิจิได้เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าขีดความปลอดภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอันตรายเฉียบพลันต่อร่างกายของมนุษย์ กระนั้น ก็ดี เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นรายหนึ่ง ระบุว่า มีประชาชนจำนวน 190 คนที่อยู่ภายในเขตรัศมี 10 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมื่อตอนที่ระดับสารกัมมันตภาพรังสีที่แผ่ออก สู่ชั้นบรรยากาศอยู่ในระดับที่สูง และจนถึงขณะนี้ก็มีผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าปนเปื้อนรังสีแล้ว 22 ราย ทั้ง นี้ อุบัติเหตุด้านนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าในฟูกูชิมะคราวนี้ถือว่า รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลในยูเครน ระเบิดเมื่อปี 1986 วิกฤตด้านพลังงานนิวเคลียร์ดัง กล่าวทำให้นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คังต้องออกมาแถลงว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าครั้งมโหฬาร หลังประชาชนหลายล้านครัวเรือนยังคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงร้องขอให้ชาวญี่ปุ่นร่วมกันประหยัดพลังงาน นอกจากนี้คังยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 65 ปีนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว ทั้ง นี้ สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ขณะนี้ประชาชน 5.5 ล้านคนยังคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขณะที่ตึกอาคารรวม 20,800 แห่งพังพินาศ และรถไฟ 4 ขบวนถูกคลื่นซัดหายไป สำหรับสภาพความ เสียหายในพื้นที่รอบๆ เมืองเซนไดที่ระดับน้ำจากสึนามิเริ่มลดลงหรือที่เหือดแห้งไปแล้วนั้น ภาพถ่ายมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์เผยให้เห็นตึกรามบ้านช่อง, รถไฟ หรือแม้แต่เครื่องบินขนาดเล็กที่ล้มระเนระนาดราวกับของเล่น ขณะที่รถยนต์นับร้อยคันถูกกำแพงคลื่นซัดมากองพะเนินกันจนมีสภาพชวนให้คิดว่า เป็นสุสานรถเก่า ที่เมืองริกุเซนทากะตะ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งและเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดแห่ง หนึ่ง มีรายงานว่า ยังคงจมอยู่ใต้บาดาล โดยที่ประชาชนกว่า 1,000 คนซึ่งรอคอยความช่วยเหลืออยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งบนเนินเขาก็ได้รับการอพยพ แล้ว ด้านความช่วยเหลือของนานาชาติในรูปของเงิน ทอง, วัตถุปัจจัย รวมถึงการจัดส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัย, แพทย์และพยาบาล ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่วันนี้ (13) โดยกระทรวงการต่างประเทศแดนอาทิตย์อุทัยแถลงว่า จนถึงบัดนี้มี 69 ประเทศและดินแดน และองค์การความช่วยเหลือนานาชาติ 5 แห่งได้เสนอหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น โดยที่หนึ่งในนั้น ก็คือ นิวซีแลนด์ ประเทศซึ่งเพิ่งประสบแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเมืองไครซ์เชิร์ชเมื่อเดือนที่ แล้ว ในช่วงเช้าวานนี้ เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงชายฝั่งญี่ปุ่น เพื่อปฏิบัติภารกิจอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้แก่หน่วยทหารบรรเทาทุกข์ของญี่ปุ่น อาทิ การช่วยเติมเชื้อเพลิงแก่เฮลิคอปเตอร์ค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการช่วยขนส่งลำเลียงทหารเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติ กระทรวง การต่างประเทศญี่ปุ่น ยังเผยว่า ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยรวม 144 ชีวิตจากองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเอสเอไอดี) พร้อมสุนัขดมกลิ่น 12 ตัว และอุปกรณ์กู้ภัยอีกรวมน้ำหนัก 150 ตัน จะเดินทางมาถึงเมืองมิซาวาในช่วงบ่ายของวันนี้ (13) เพื่อร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือบนภาคพื้นดิน นอกจาก นี้ กระทรวงดังกล่าวยังระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีน พร้อมด้วยรัฐมนตรีการต่างประเทศหยาง เจี๋ยฉือ ได้ส่งสาล์นแสดงความเสียใจมาให้แก่รัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัย รวมทั้งส่งทีมกู้ภัยประสบการณ์สูงรวม 15 คนมาช่วยเหลือในปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต โดยที่ทีมดังกล่าวได้เดินทางถึงญี่ปุ่นในช่วงเที่ยงวานนี้ ส่วนองค์กรกาชาดจีนก็แถลงว่าจะมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ญี่ปุ่น 1,000,000 หยวนอีกด้วย ขณะที่ เควิน รัดด์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าววานนี้ว่า ได้ส่งหน่วยพยาบาลเคลื่อนที่พร้อมทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเข้าไปช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บและร่วมค้นหาร่างผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังส่งผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์เข้าไปประเมินความเสี่ยงจากโรงไฟฟ้าที่ได้ รับความเสียหายด้วย ส่วน อังกฤษ, เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ ก็เตรียมส่งหน่วยกู้ภัยและสุนัขดมกลิ่นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในญี่ปุ่นเช่นกัน http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=49416 จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 12 ฉบับที่ 2995 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011
ญี่ปุ่นเมินเส้นตายย้ายฐานทัพสหรัฐ
โตเกียว : นายยูกิโอะ เอดาโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นไม่มีแผนกำหนดเส้นตายเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทกรณีฐานทัพสหรัฐบนเกาะโอ กินาวา คำกล่าวของนายเอดาโนะมีขึ้นหลังจากนายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธว่า หวังว่าจะพบวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวภายในฤดูใบไม้ผลินี้ โดยนายเอดาโนะไม่คิดว่าการกำหนดเส้นตายจะช่วยสนับสนุนความพยายามแก้ปัญหาข้อ พิพาทดังกล่าว ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามทำให้ประชาชนบนเกาะโอกินาวามีความเข้าใจ รัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลสหรัฐเกิดกรณีพิพาทเรื่องฐานทัพอากาศฟูเตนมะบน เกาะโอกินาวาทางตอนใต้ของประเทศนับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งประชาชนท้องถิ่นพยายามร้องเรียนมาโดยตลอดว่าทำให้เกิดมลพิษทางเสียงจาก เครื่องบินและเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น เคยให้คำมั่นว่าจะย้ายฐานทัพดังกล่าวตามข้อตกลงฉบับเดิมกับสหรัฐเมื่อปี 2006 จากบริเวณชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมากไปยังพื้นที่ซึ่งเงียบสงบกว่า บนเกาะโอกินาวา ทั้งที่มีเสียงคัดค้านจากชาวบ้านท้องถิ่นอย่างรุนแรง ในขณะที่ชาวโอกินาวาและชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่งต้องการให้ย้ายฐานทัพสหรัฐออกไป จากดินแดนญี่ปุ่น
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f1/topic-t1276.htm
http://www.ehow.com/how_4770896_survive-world-war.html How to Survive World War 3 By seedling, eHow Member
www.zerohedge.comIn an interview with Mark Hibbs, a Berlin-based senior associate at the Carnegie Endowment for International Peace,
a nonprofit think tank,
Newsmax magazine asks - what happens next at the Fukushima Nuclear Power Plant. Originally posted by Chadwickus Here's a closer view showing the last 6 hours of activity: What time was the earthquake? 10am UTC? Once the OP tells us what exactly we're looking at then we'll get a better idea as to what's going on. If you ask me, it seems there is a drop off before 10am UTC... How can that be if it was at full power?No. Not 10 UTC But * Friday, March 11, 2011 at 05:46:00 UTC * Friday, March 11, 2011 at 02:46:00 PM at epicenter Just at the begin of your data chart. From 6 to 10.
Originally posted by Chadwickus reply to post by ArkenI Actually believe this does not mean anything. HAARP i think can also detect this kind of signals when EQ's hit, so it does not say that it is done by HAARP, it just shows that HAARP was picking up wahtever hit Japan..
Can you tell us what the induction magnetometer detects? And how does it prove that HAARP was on "full power"?
edit on 11/3/2011 by Bauwser because: (no reason given)
Aerial video from town closest to Japan's mega-quake epicentre
Uploaded by RussiaToday on Mar 12, 2011
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews Between 200 and 300 bodies were found on Saturday along the coast in the city of Sendai, north-eastern Japan, the area near the epicentre of the massive earthquake and tsunami that hit Japan on Friday. Japan launched a massive military rescue operation on Saturday after the giant, quake-fed tsunami killed hundreds of people and turned the northeastern coast into a swampy wasteland, while authorities braced for a possible meltdown at a nuclear reactor.
Japan earthquake: CCTV video of tsunami wave hitting Sendai airport
Japan Earthquake: Helicopter aerial view video of giant tsunami
Video of mad tsunami waves battering ships, homes, cars after Japan earthquake
Video of cars, ships wrecked by tsunami waves after Japan earthquake
Japan Devastated: Video of fires, landslides, stranded people
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews The extent of the damage left behind by the ferocious tsunami unleashed by Japan's biggest recorded earthquake was slowly becoming clearer by Saturday afternoon. The earthquake on Friday killed hundreds of people as it carried away ships, cars and homes, and triggered widespread fires that burned out of control. The violent wall of water swept away houses, cars and ships. Fires burned out of control.
Video of rooftop helicopter rescue in Japan's tsunami-hit town
Uploaded by RussiaToday on Mar 12, 2011
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnews Residents stranded on rooftops in the city of Kesennuma, in Japan's northeastern Miyagi prefecture, were rescued by helicopter on Saturday, after the area around their homes was inundated with water, mud and fallen trees following Friday's huge earthquake and tsunami
Japan tsunami earthquake "BEST JAPANESE FILMS" SORRY, Part 3, March 11 .
.Uploaded by supergia007 on Mar 12, 2011 http://www.arukithai.com/th/otherInfo/detail.asp?idCat=57รวมเกร็ดน่าสนใจจากเหตุแผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ - คลื่นสึนามิ ถล่มญี่ปุ่น
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16:50:00 น.
(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 12 มีนาคม 2554)
เซนได "เมืองแห่งแมกไม้" 1 ในเหยื่อ "แผ่นดินไหว-สึนามิ" เชื่อว่าใครที่ได้เห็นภาพทางทีวี ฉายให้เห็นคลื่นสึนามิสูงราว 10 เมตรถล่มชายฝั่งเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.9 ริคเตอร์ กวาดต้อนเอาบ้านเรือน ร้านรวง รถยนต์ เรือ กลืนเข้าไปอยู่ในมวลน้ำขนาดใหญ่ ต้องตะลึงงันเพราะนั่นเป็นยิ่งกว่าหนังฮอลลีวู้ด "เซนได" เป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู มีประชากรประมาณหนึ่งล้านคน ก่อตั้งขึ้นในปี พศ.2143 หรือเมื่อ 411 ปีมาแล้ว เป็นที่รู้จักกันในนาม "เมืองแห่งแมกไม้" (City of Trees) มีพื้นที่ 788.09 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเซนไดเป็นที่ราบ ตอนกลางของเมืองเป็นเนินเขา ประชากร ส่วนมากอาศัยอยู่ในเขตเมืองที่อยู่ใกล้กับสถานีขนส่งมวลชน นอกจากนี้ทางตอนเหนือของเซนไดยังมีอ่าวมัตสุชิมา เป็นอ่าวที่ถือว่ามีทัศนยภาพสวยงาม ติดอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เซนได เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคโตโฮคุ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมและการขนส่งมวลชนของภูมิภาคโตโฮคุ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพร้านค้ารายย่อยและการบริการ มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโตโฮคุ มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ เมืองเซนไดยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย อาทิ วัดรินโนจิ, ปราสาทอาโอบะ, วัดยานาทาตะ และอ่าวมัตสุชิมา ใน ส่วนของภาคอุตสาหกรรมและการผลิตสินค้า จังหวัดมิยากิเป็นแหล่งของวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ อย่างน้ำมัน เหล็กและไม้ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นตลอดแนวพื้นที่ชายฝั่งของจังหวัด จึงถือว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบ การผลิต และอุตสาหกรรมด้านไอที นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการเกษตร การป่าไม้ และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องประมงน้ำเค็มระดับโลกให้ผลผลิตเป็นปลา ทะเลคุณภาพเยี่ยม และยังเป็นหอยนางรม, หอยพัด และสาหร่ายทะเล
เซนได "เมืองแห่งแมกไม้" 1 ในเหยื่อ "แผ่นดินไหว-สึนามิ" เชื่อว่าใครที่ได้เห็นภาพทางทีวี ฉายให้เห็นคลื่นสึนามิสูงราว 10 เมตรถล่มชายฝั่งเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.9 ริคเตอร์ กวาดต้อนเอาบ้านเรือน ร้านรวง รถยนต์ เรือ กลืนเข้าไปอยู่ในมวลน้ำขนาดใหญ่ ต้องตะลึงงันเพราะนั่นเป็นยิ่งกว่าหนังฮอลลีวู้ด "เซนได" เป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู มีประชากรประมาณหนึ่งล้านคน ก่อตั้งขึ้นในปี พศ.2143 หรือเมื่อ 411 ปีมาแล้ว เป็นที่รู้จักกันในนาม "เมืองแห่งแมกไม้" (City of Trees) มีพื้นที่ 788.09 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเซนไดเป็นที่ราบ ตอนกลางของเมืองเป็นเนินเขา ประชากร ส่วนมากอาศัยอยู่ในเขตเมืองที่อยู่ใกล้กับสถานีขนส่งมวลชน นอกจากนี้ทางตอนเหนือของเซนไดยังมีอ่าวมัตสุชิมา เป็นอ่าวที่ถือว่ามีทัศนยภาพสวยงาม ติดอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เซนได เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคโตโฮคุ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมและการขนส่งมวลชนของภูมิภาคโตโฮคุ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพร้านค้ารายย่อยและการบริการ มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโตโฮคุ มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ เมืองเซนไดยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย อาทิ วัดรินโนจิ, ปราสาทอาโอบะ, วัดยานาทาตะ และอ่าวมัตสุชิมา ใน ส่วนของภาคอุตสาหกรรมและการผลิตสินค้า จังหวัดมิยากิเป็นแหล่งของวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ อย่างน้ำมัน เหล็กและไม้ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นตลอดแนวพื้นที่ชายฝั่งของจังหวัด จึงถือว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบ การผลิต และอุตสาหกรรมด้านไอที นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการเกษตร การป่าไม้ และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องประมงน้ำเค็มระดับโลกให้ผลผลิตเป็นปลา ทะเลคุณภาพเยี่ยม และยังเป็นหอยนางรม, หอยพัด และสาหร่ายทะเล
ทำความรู้จักเกาะฮอนชู
เหตุ แผ่นดินไหวรุนแรง 8.9 ริคเตอร์ซึ่งเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ หลายเมืองบนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นที่ตั้งของกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น เกาะฮอนชูตั้ง อยู่ระหว่างเกาะฮอกไกโด (ทางเหนือ) กับเกาะชิโกกุ (ทางตอนใต้) มีความยาวทั้งสิ้น 1,300 กิโลเมตร ความกว้างของเกาะอยู่ระหว่าง 50-230 กิโลเมตร มีพื้นที่ติดชายฝั่งยาวประมาณ 5,450 กิโลเมตร เนื้อที่ทั้งหมด 230,500 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อที่ทั้งหมดของญี่ปุ่น มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 103 ล้านคน (สถิติปี ค.ศ.2005) ซึ่งถือว่าเป็นเกาะที่มีประชากรอยู่มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองลงมาจากเกาะชวาของอินโดนีเซีย เกาะฮอนชูมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ ราบสูงและภูเขาสูงชัน โดยตลอดทั้งเกาะจะมีแนวภูเขาตั้งอยู่ตลอด และมักจะเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง โดยภูเขาไฟบนเกาะฮอนชูที่ยังคงมีแรงปะทุอยู่ที่มีความสูงมากที่สุดคือภูเขา ไฟฟูจิ อันโด่งดังของญี่ปุ่นนั่นเอง เกาะฮอนชูแบ่งเขตปกครองออกเป็น 5 เขต มีทั้งหมด 34 จังหวัด รวมทั้งเขตเทศบาลกรุงโตเกียว โดยเมืองใหญ่ๆ และเมืองสำคัญๆ ของญี่ปุ่นถึง 3 ใน 4 ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู โดยทั้ง 5 เขตของเกาะฮอนชู ประกอบด้วยเขตจูโงกุ (ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ) เขตคันไซ (ตั้งอยู่ทางตอนใต้เช่นกันแต่อยู่เหนือเขตจูโงกุขึ้นมา) เขตจูบุ (ตอนกลาง) เขตคันโต (ตะวันออก) และเขตโตโฮกุ (ตอนเหนือ) เกาะแห่งนี้ เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น หลายเมืองขึ้นชื่อในเรื่องของการเพาะปลูก โดยเมืองนิงาตะถือว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ ขณะที่เมืองคันโตและโนบิ ก็เป็นแหล่งปลูกข้าวและพืชผัก ส่วนเมืองยามานาชิเป็นแหล่งปลูกผลไม้ที่ดี และที่เมืองอาโอโมริขึ้นชื่อเรื่องแอปเปิ้ล
"ริคเตอร์" สเกล มาตรวัด "แผ่นดินไหว" มา ตราริคเตอร์เป็นมาตรที่ใช้กำหนดขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหว เสนอขึ้นเมื่อ พ.ศ.2478 โดยนักวิทยาแผ่นดินไหวสองคน คือ เบโน กูเทนเบิร์ก และ ชาลส์ ฟรานซิส ริคเตอร์ ขนาดและความรุนแรงขนาดของแผ่นดินไหว หมายถึงจำนวนหรือปริมาณของพลังงานที่ถูกปล่อยออกมาจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวใน แต่ละครั้ง การหาค่าขนาดของแผ่นดินไหวทำได้โดยวัดความสูงของคลื่นแผ่นดินไหวที่บันทึก ได้ด้วยเครื่องตรวดวัดแผ่นดินไหว แล้วคำนวณจากสูตรการหาขนาด โดยนิยมใช้หน่วยวัดขนาดของแผ่นดินไหวคือ "ริคเตอร์" โดยขนาดของแผ่น ดินไหว ในแต่ละระดับจะปล่อยพลังงานมากกว่า 30 เท่าของขนาดก่อนหน้า เช่น 4 กับ 5 ริคเตอร์ แผ่นดินไหวขนาด 5 ริคเตอร์จะปล่อยพลังงานออกมามากกว่า 4 ริคเตอร์ 30 เท่า, แผ่นดินไหวขนาด 7 ริคเตอร์ จะปล่อยพลังงานออกมามากกว่า 5 ริคเตอร์ = 30x30 = 900 เท่า ความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ในแต่ละครั้งนั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงที่รู้สึกได้มากน้อยเพียงใด และขึ้นอยู่กับระยะทางจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว ความเสียหายจะเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกับศูนย์กลางแผ่นดินไหว และจะลดหลั่นลงไปตามระยะทางที่ห่างออกไป มาตราริคเตอร์ขนาด 1.9 ลงไป จัดอยู่ในระดับ ไม่รู้สึก
ขนาด 2.0-2.9 เบามาก จัดอยู่ในระดับ คนทั่วไปมักไม่รู้สึก แต่ก็สามารถรู้สึกได้บ้าง และตรวจจับได้ง่าย
ขนาด 3.0-3.9 เบามาก จัดอยู่ในระดับ คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ และบางครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้บ้าง
ขนาด 4.0-4.9 เบา จัดอยู่ในระดับ ข้าวของในบ้านสั่นไหวชัดเจน สามารถสร้างความเสียหายได้ปานกลาง
ขนาด 5.0-5.9 ปานกลาง จัดอยู่ในระดับ สร้างความเสียหายยับเยินได้กับสิ่งก่อสร้างที่ไม่มั่นคง แต่กับสิ่งก่อสร้างที่มั่นคงนั้นไม่มีปัญหา
ขนาด 6.0-6.9 แรง จัดอยู่ในระดับ สร้างความเสียหายที่ค่อนข้างรุนแรงได้ในรัศมีประมาณ 80 กิโลเมตร
ขนาด 7.0-7.9 รุนแรง จัดอยู่ในระดับ สามารถสร้างความเสียหายรุนแรงในบริเวณกว้างกว่า
ขนาด 8.0-8.9 รุนแรงมาก จัดอยู่ในระดับ สร้างความเสียหายรุนแรงได้ในรัศมีเป็นร้อยกิโลเมตร
ขนาด 9.0-9.9 รุนแรงมาก จัดอยู่ในระดับ "ล้างผลาญ" ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีเป็นพันกิโลเมตร
ขนาด 10.0 ขึ้นไป ทำลายล้าง จัดอยู่ในระดับ ไม่เคยเกิด จึงไม่มีบันทึกความเสียหายไว้
ซีพีเอฟคาดออร์เดอร์'ไก่-กุ้ง'จากญี่ปุ่นพุ่ง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 14 มีนาคม 2554 13:22
ซีพีเอฟคาดออร์เดอร์"ไก่-กุ้ง"จากญี่ปุ่นพุ่ง หลังเหตุภัยพิบัติครั้งรุนแรง พบร้าน7-11 พังยับกว่า 2 พันแห่ง
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างรอตรวจสอบปริมาณความต้องการอาหารของลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น หลังเกิดเหตุภัยพิบัติครั้งรุนแรง ในเบื้องต้นคาดว่าจะโยกออร์เดอร์จากประเทศอื่นมาให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่น ก่อน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ต้องรอสำรวจลูกค้าอีกครั้ง แต่เชื่อว่าจะได้รับข้อมูลในเร็ว ๆ นี้ "คาดว่าออร์เดอร์จะมากขึ้น เพราะภายในประเทศญี่ปุ่นเสียหายมาก หลาย sector ของกลุ่มอาหารขาด จุดนี้เชื่อว่าเราจะเข้าไปช่วยได้ สินค้าหลักๆที่ซีพีเอฟส่ง ออกคืออาหารประเภทไก่ กุ้ง และเท่าที่ได้รับข้อมูลจากลูกค้าพบว่าร้านค้าสะดวกซื้อกว่าหมื่นจุดเสียหาย หมด โดยร้าน 7-11 เสียหายกว่า 2 พันจุด ส่วนห้องเย็นแช่แข็งอาหาร ได้รับความเสียหายจากการที่ไฟฟ้าดับหมด เชื่อว่าการจับสัตว์ทะเลระยะนี้อาจยังทำได้ไม่เต็มที่"นายอดิเรก กล่าว
ขอให้รวยๆ
http://www.takeoverworld.info/Trilateral_members_2008.pdf
Sarasin Viraphol, Executive Vice President, Charoen Pokphand Co., Ltd.,
Bangkok; former Deputy Permanent Secretary of Foreign Affairs of Thailand http://www.scribd.com/doc/30078005/T37-The-Plenary-Conference-in-Tokyo-1985 http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f2/topic-t291-25.htm http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1300192255&grpid=&catid=10&subcatid=
ซีพีเอฟเตรียมส่งไก่คาราเกะ ช่วยผู้ประสบภัยในประเทศญี่ปุ่น
วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:30:29 นนายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ
เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังประสานงานกับ Seven & I Holding Corporation บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจร้าน 7-Eleven ใน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่ค้ากับซีพีเอฟมาอย่างยาวนานในการเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านอาหารไปยังประชาชนผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึ นามิในญี่ปุ่น
โดยเบื้องต้น ซีพีเอฟได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์เนื้อไก่แปรรูป ประเภทไก่คาราเกะซึ่งเป็นอาหารที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคย จำนวน 16 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 2,500,000 บาท ซึ่งจะขนส่งทางเรือ โดยคาดว่าทำการขนส่งได้ในสัปดาห์หน้า อย่าง ไรก็ตาม หากพบว่ากองทัพอากาศไทยจะมีการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือไปญี่ปุ่น ก็จะส่งมอบไก่คาราเกะไปกับเครื่องบินของกองทัพด้วยอีกราว 1-2 ตัน
ทั้งนี้ Seven & I Holding Corporation จะทำการประสานพันธมิตรทางการค้าอื่นๆ เพื่อจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือด้านอาหาร โดยออกแบบเป็นเต็นท์หรือมุมประกอบอาหาร และจะมีอาสาสมัครลงมือปรุงอาหารอย่างง่ายๆ แจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ ซึ่งซีพีเอฟจะประสานกับ Seven & I Holding Corporation ในรายละเอียดอย่างใกล้ชิดต่อไป
ซี พีเอฟดำเนินธุรกิจกับประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน และมีความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อ พบว่าคู่ค้าของบริษัทประสบภัยพิบัติรุนแรง ก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต นายอดิเรก กล่าวในตอนท้าย
แค่เหน็บนิดหน่อยเท่านั้นเอง... Japan tsunami damage follows 8.9 earthquake
March 11, 2011 - 3:05PMJapanese television has shown major tsunami damage in northern Japan, following a strong 8.9-magnitude earthquake. Public broadcaster NHK showed cars, trucks, houses and buildings being swept away by the tsunami in Onahama city in Fukushima prefecture. Scores of cars were seen floating in Iwate prefecture harbour, local TV said, while the Tokyo Fire department says many people were injured after a roof caved in during a school graduation ceremony at a hall in east Tokyo.
Office workers in Tokyo's Shiodome district near Tokyo Bay stay on the pedestrian deck, observing surrounding high-rise office and hotel buildings swaying.
Japan earlier issued its top tsunami warning in response to the major offshore earthquake, which strongly swayed buildings 400 kilometres away in Tokyo and sent people fleeing onto the streets. The quake struck at 2.46pm local time, 130 kilometers off the coast of Sendai and about 382 kilometres northeast of Tokyo, hitting at a depth of 24 kilometers. The meteorological agency issued its top-level evacuation alerts for the entire Japanese coast, Russia and the Mariana Islands, the Pacific Tsunami Warning Centre said.
Earthquake strikes Japan
A screen grab of images taken from Japanese television showing a tsunami swamping a city in northern Japan. The area is flooded by tsunami in Iwaki, Fukushima Prefecture (state) as Japan was struck by a magnitude 8.9 earthquake off its northeastern coast Friday, March 11. Photo: AP Photo/Kyodo NewsJapan 9.0 earthquake and tsunami (NHK footage) - March 11th 2011
WONDERING VIEWS ;-)
http://www.fas.org/nuke/guide/china/facility/mianyang.htm
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t769.htm
Russian Airport Bombing Connected to Modern Warfare 2 by Russian Media
Russia Today puts together a video showing footage
from yesterday's attack and Modern Warfare 2.
By Chris Pereira, 01/25/2011
Following yesterday's suicide bombing at Domodedovo Airport, Russia's busiest airport, Russian media company Russia Today has attempted to link the event to the infamous 'No Russian' level in Call of Duty: Modern Warfare 2. The terrorist attack resulted in the deaths of 35 people and injuries to more than 180.
The No Russian level caused quite a controversy back in 2009. It allows players to assume the role of an undercover American being forced to execute innocent civilians in a Russian airport in an attempt to protect his cover. It's actually possible to complete the level without ever firing at a civilian, though that doesn't stop them from being slaughtered nonetheless. The game offers an option to skip the entire sequence. It's also worth noting that the No Russian level features an attack on the airport with guns, not a bomb, and that the title comes from instructions given to the player's character to not speak any Russian.
The version released in Russia actually saw the entire scene removed. The game was also censored in both Germany and Japan, and attempts were made in Australia to ban the game from being sold.
The Russia Today report featured a video (embedded below) juxtaposing the aftermath of yesterday's attack and footage from the No Russian level. It also offered up comments from Walid Phares, director of the Future Terrorism Project at the Foundation for Defense of Democracies, who said, "Indeed it is a trouble to look at the game and reality. The issue is we need to know if terrorists or extremists are using these videos or DVDs or games to basically apply the model." He added, "I think those who have been radicalized already -- that is supposed in this case jihadists, Al-Qaeda, or other kind -- they look at the games and say these games will serve them to train."
We've contacted Activision for comment and will update the story if we receive a response. Our thoughts are with the families of those affected by the tragedy.
http://game.sanook.com/gameupdate/snews_12543.php http://www.ethailand.com/th/news/-68410.html
ปักกิ่งคุมเข้มสนามบินหลังเหตุระเบิดที่รัสเซีย
ปักกิ่ง 26 ม.ค. - ทางการกรุงปักกิ่งของจีนเข้มงวดการรักษาความปลอดภัยที่ท่าอากาศยานในกรุง ปักกิ่งมากขึ้น ภายหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินกรุงมอสโกของรัสเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางการ จีนเพิ่มการรักษาความปลอดภัยสนามบินใหญ่ที่สุดของประเทศเมื่อวัน อังคาร หวั่นซ้ำรอยเหตุระเบิดที่สนามบินรัสเซีย โดยมีรถตู้ตำรวจคอยประจำการอยู่ที่อาคารใหญ่ของสนามบินปักกิ่ง แคปิตอล เมื่อค่ำวันอังคาร ขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนอยู่ภายในอาคาร สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน... read more http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t1242-25.htmhttp://blog.fema.gov/2011/03/japan-earthquake-tsunami-update-1.html
Tsunami hits Japan after 8.9 earthquake
Updated: 14:59, Friday, 11 March 2011
A massive 8.9 magnitude earthquake has hit northeast Japan, triggering a ten-metre tsunami that swept away everything in its path.
Yabuki - Road collapsed after earthquake
Ichihara - Oil refinery plant is on fire
Japan - Water has inundated several towns along the northeast coast
Ibaraki - Vehicles ready for shipping were carried away by the wave
A massive 8.9 magnitude earthquake has hit northeast Japan, triggering a ten-metre tsunami that swept away everything in its path. Seismologists say the earthquake is seventh strongest in history. The death toll in Japan has risen to at least 288. The Japanese National Police Agency said 88 people had been confirmed dead and 349 missing, with 330 others injured in the tremor. Around 200 to 300 bodies were reportedly found in the town of Sendai. The wall of water set off tsunami alerts across the Pacific from South America to North America and southeast Asia. A Japanese ship with 100 people aboard was carried away while more than 300 houses were destroyed in the remote city of Ofunato. Kyodo news agency has reported that a passenger train is unaccounted for after the tsunami. In Sendai a tide of black water sent shipping containers, cars and debris crashing through streets and across open farmland. The Japanese government said the tsunami has caused 'tremendous damage' while aerial footage showed massive flooding in northern towns. In the capital Tokyo, where millions fled swaying buildings, multiple injuries were reported when the roof of a hall collapsed during a graduation ceremony. Plumes of smoke rose from at least ten locations in the city, where 4m homes suffered power outages. An oil refinery is still on fire in Ichihara near Tokyo. The Pacific Tsunami Warning Centre issued a widespread warning for territories as far away as New Zealand and Hawaii, where people were ordered to evacuate coastal areas. The Red Cross warned that if the tsunami were to reach between four and ten metres it would swamp some of the islands in its path. However, countries in the tsunami's path have reported only minor waves. The tsunami also reached Sendai airport, submerging the runway while a process known as liquefaction, caused by the intense shaking of the tremor, turned parts of the ground to liquid. The government said it was operating on an atomic power emergency footing after a fire broke out in the turbine building of a nuclear plant in Onagawa but said no radiation leaks were detected among its reactors. The first quake struck just 400km northeast of Tokyo, the US Geological Survey said. It was followed by more than 40 aftershocks, one as strong as 7.1. Prime Minister Naoto Kan quickly assembled his cabinet and the government dispatched naval vessels from near Tokyo to Miyagi. US President Barack Obama led international offers of sympathy and aid in what he called Japan's 'time of great trial', while Mr Kan's government called on help from US forces stationed in the country. The Department of Foreign Affairs has said that concerned relatives should contact it on 01-4082000. They can also register details of Irish people in Japan on the website www.dfa.ie Tánaiste and Minister for Foreign Affairs Eamon Gilmore - who is visiting Budapest - has said he is very concerned about the people of Japan and up to 2,000 Irish people there. He said the Irish Ambassador in Japan, John Neary, has told him that so far there are no reports of Irish citizens in trouble there.
http://www.ready.gov/america/index.html
Earthquake Prediction 2011 Jim Berkland
- A Major Earthquake in North America Imminent
YOU SHOULD BE SLAVERY...
FOREVER...
Japan Disaster Predicted By Illuminati Card Game
Uploaded by thetruthergirls on Mar 18, 2011
I really did not want to believe the recent disaster was
the result of a conspiracy, but it was 'in the cards', so to speak. Either Stephen Jackson has one heck of a crystal ball going,
or this was planned waaay in advance. Or it's just a coincidence, like everything about 9/11, 7/7,
the madrid bombings etc that just doesn't add up- or adds up only
if you look at it from the ppoit of view of it being a conspiracy.
http://news.bbc.co.uk/2/hi/science/nature/5094450.stm http://www.globalresearch.ca/index.php?context=va&aid=7529 "Doomsday Seed Vault" in the Arctic Bill Gates, Rockefeller and the GMO giants know something we don’t by F. William Engdahl Global Research, December 4, 2007
One thing Microsoft founder Bill Gates can’t be accused of is sloth. He was already programming at 14, founded Microsoft at age 20 while still a student at Harvard. By 1995 he had been listed by Forbes as the world’s richest man from being the largest shareholder in his Microsoft, a company which his relentless drive built into a de facto monopoly in software systems for personal computers.
In 2006 when most people in such a situation might think of retiring to a quiet Pacific island, Bill Gates decided to devote his energies to his Bill and Melinda Gates Foundation, the world’s largest ‘transparent’ private foundation as it says, with a whopping $34.6 billion endowment and a legal necessity to spend $1.5 billion a year on charitable projects around the world to maintain its tax free charitable status. A gift from friend and business associate, mega-investor Warren Buffett in 2006, of some $30 billion worth of shares in Buffet’s Berkshire Hathaway put the Gates’ foundation into the league where it spends almost the amount of the entire annual budget of the United Nations’ World Health Organization.
So when Bill Gates decides through the Gates Foundation to invest some $30 million of their hard earned money in a project, it is worth looking at.
No project is more interesting at the moment than a curious project in one of
the world’s most remote spots, Svalbard.
One thing Microsoft founder Bill Gates can’t be accused of is sloth. He was already programming at 14, founded Microsoft at age 20 while still a student at Harvard. By 1995 he had been listed by Forbes as the world’s richest man from being the largest shareholder in his Microsoft, a company which his relentless drive built into a de facto monopoly in software systems for personal computers.
In 2006 when most people in such a situation might think of retiring to a quiet Pacific island, Bill Gates decided to devote his energies to his Bill and Melinda Gates Foundation, the world’s largest ‘transparent’ private foundation as it says, with a whopping $34.6 billion endowment and a legal necessity to spend $1.5 billion a year on charitable projects around the world to maintain its tax free charitable status. A gift from friend and business associate, mega-investor Warren Buffett in 2006, of some $30 billion worth of shares in Buffet’s Berkshire Hathaway put the Gates’ foundation into the league where it spends almost the amount of the entire annual budget of the United Nations’ World Health Organization.
So when Bill Gates decides through the Gates Foundation to invest some $30 million of their hard earned money in a project, it is worth looking at.
No project is more interesting at the moment than a curious project in one of
the world’s most remote spots, Svalbard.
Bill Gates is investing millions in a seed bank
on the Barents Sea near the Arctic Ocean,
some 1,100 kilometers from the North Pole.
Svalbard is a barren piece of rock claimed by
Norway and ceded in 1925 by international treaty
(see map).
On this God-forsaken island Bill Gates is investing tens of his millions along with the Rockefeller Foundation, Monsanto Corporation, Syngenta Foundation and the Government of Norway, among others, in what is called the ‘doomsday seed bank.’ Officially the project is named the Svalbard Global Seed Vault on the Norwegian island of Spitsbergen, part of the Svalbard island group.
Doomsday Seed Vault The seed bank is being built inside a mountain on Spitsbergen Island near the small village
of Longyearbyen. It’s almost ready for ‘business’ according to their releases.
The bank will have dual blast-proof doors with motion sensors, two airlocks,
and walls of steel-reinforced concrete one meter thick. It will contain up to
three million different varieties of seeds from the entire world, ‘so that crop diversity
can be conserved for the future,’ according to the Norwegian government.
Seeds will be specially wrapped to exclude moisture. There will be no full-time staff, but the vault's relative inaccessibility will facilitate monitoring any possible human activity. Did we miss something here? Their press release stated, ‘so that crop diversity can be conserved for the future.’ What future do the seed bank’s sponsors foresee, that would threaten the global availability of current seeds, almost all of which are already well protected in designated seed banks around the world? Anytime Bill Gates, the Rockefeller Foundation, Monsanto and Syngenta get together on a common project, it’s worth digging a bit deeper behind the rocks on Spitsbergen. When we do we find some fascinating things. The first notable point is who is sponsoring the doomsday seed vault.
Here joining the Norwegians are, as noted, the Bill & Melinda Gates Foundation; the US agribusiness giant DuPont/Pioneer Hi-Bred, one of the world’s largest owners of patented genetically-modified (GMO) plant seeds and related agrichemicals; Syngenta, the Swiss-based major GMO seed and agrichemicals company through its Syngenta Foundation; the Rockefeller Foundation, the private group who created the “gene revolution with over $100 million of seed money since the 1970’s; CGIAR, the global network created by the Rockefeller Foundation to promote its
ideal of genetic purity through agriculture change. CGIAR and ‘The Project’ As I detailled in the book, Seeds of Destruction, in 1960 the Rockefeller Foundation,
John D. Rockefeller III’s Agriculture Development Council and the Ford Foundation
joined forces to create the International Rice Research Institute (IRRI) in Los Baños, the Philippines.1 By 1971, the Rockefeller Foundation’s IRRI, along with their Mexico-based International Maize and Wheat Improvement Center and two other Rockefeller and Ford Foundation-created international research centers, the IITA for tropical agriculture, Nigeria, and IRRI for rice, Philippines, combined to
form a global Consultative Group on International Agriculture Research (CGIAR). CGIAR was shaped at a series of private conferences held at the Rockefeller Foundation’s conference center in Bellagio, Italy. Key participants at the Bellagio talks were the Rockefeller Foundation’s George Harrar, Ford Foundation’s Forrest Hill, Robert McNamara of the World Bank and Maurice Strong, the Rockefeller family’s international environmental organizer, who, as a Rockefeller Foundation Trustee, organized the UN Earth Summit in Stockholm in 1972. It was part of the foundation’s
decades long focus to turn science to the service of eugenics, a hideous version
of racial purity, what has been called The Project. To ensure maximum impact, CGIAR drew in the United Nations’ Food and Agriculture Organization, the UN Development Program and the World Bank. Thus, through a carefully-planned leverage of its initial funds, the Rockefeller Foundation by the beginning of the 1970’s was in a position to shape global agriculture policy. And shape it did. Financed by generous Rockefeller and Ford Foundation study grants, CGIAR saw to it
that leading Third World agriculture scientists and agronomists were brought to
the US to ‘master’ the concepts of modern agribusiness production, in order to
carry it back to their homeland. In the process they created an invaluable network of influence for US agribusiness promotion in those countries, most especially promotion of the GMO ‘Gene Revolution’ in developing countries, all in the name of science and efficient, free market agriculture. Genetically engineering a master race? Now the Svalbard Seed Bank begins to become interesting. But it gets better. ‘The Project’ I referred to is the project of the Rockefeller Foundation and powerful financial interests since the 1920’s to use eugenics, later renamed genetics, to justify creation of a genetically-engineered Master Race. Hitler and the Nazis called it the Ayran Master Race. The eugenics of Hitler were financed to a major extent by the same Rockefeller Foundation
which today is building a doomsday seed vault to preserve samples of every seed on
our planet. Now this is getting really intriguing. The same Rockefeller Foundation created
the pseudo-science discipline of molecular biology in their relentless pursuit of reducing
human life down to the ‘defining gene sequence’ which, they hoped, could then be modified in order to change human traits at will. Hitler’s eugenics scientists, many of whom were quietly brought to the United States after the War to continue their biological eugenics research, laid much of the groundwork of genetic engineering of various life forms, much of it supported openly until well into the Third Reich by Rockefeller Foundation generous grants.2 The same Rockefeller Foundation created the so-called Green Revolution, out of a trip to Mexico in 1946 by Nelson Rockefeller and former New Deal Secretary of Agriculture and founder of the Pioneer Hi-Bred Seed Company, Henry Wallace. The Green Revolution purported to solve the world hunger problem to a major degree
in Mexico, India and other select countries where Rockefeller worked. Rockefeller Foundation agronomist, Norman Borlaug, won a Nobel Peace Prize for his work, hardly something to boast about with the likes of Henry Kissinger sharing the same. In reality, as it years later emerged, the Green Revolution was a brilliant Rockefeller family
scheme to develop a globalized agribusiness which they then could monopolize just as
they had done in the world oil industry beginning a half century before. As Henry Kissinger declared in the 1970’s,
to small scale poor farmers, followed, of course, by Monsanto’s patented GMO seeds. 6 Syngenta AG of Switzerland, one of the ‘Four Horsemen of the GMO Apocalypse’ is pouring millions of dollars into a new greenhouse facility in Nairobi, to develop GMO insect resistant maize. Syngenta is a part of CGIAR as well.7 Move on to Svalbard Now is it simply philosophical sloppiness? What leads the Gates and Rockefeller foundations to at one and the same time to back proliferation of patented and soon-to-be Terminator patented seeds across Africa, a process which, as it has in every other place on earth, destroys the plant seed varieties as monoculture industrialized agribusiness is introduced? At the same time they invest tens of millions of dollars to preserve every seed variety
known in a bomb-proof doomsday vault near the remote Arctic Circle ‘so that crop diversity
can be conserved for the future’ to restate their official release?
Catley-Carlson a Canadian also on the advisory board of Group Suez Lyonnaise des Eaux,
one of the world’s largest private water companies. Catley-Carlson was also president
until 1998 of the New York-based Population Council, John D. Rockefeller’s population reduction organization, set up in 1952 to advance the Rockefeller family’s eugenics program under the cover of promoting “family planning,” birth control devices, sterilization and “population control” in developing countries. Other GCDT board members include former Bank of America executive presently
head of the Hollywood DreamWorks Animation, Lewis Coleman. Coleman is also the lead Board Director of Northrup Grumman Corporation, one of America’s largest military industry Pentagon contractors. Jorio Dauster (Brazil) is also Board Chairman of Brasil Ecodiesel. He is a former
Ambassador of Brazil to the European Union, and Chief Negotiator of Brazil’s foreign debt
for the Ministry of Finance. Dauster has also served as President of the Brazilian Coffee
Institute and as Coordinator of the Project for the Modernization of Brazil’s Patent System,
which involves legalizing patents on seeds which are genetically modified, something
until recently forbidden by Brazil’s laws.
Cary Fowler is the Trust’s Executive Director. Fowler was Professor and Director of
Research in the Department for International Environment & Development Studies
at the Norwegian University of Life Sciences. He was also a Senior Advisor to
the Director General of Bioversity International. There he represented the Future
Harvest Centres of the Consultative Group on International Agricultural Research (CGIAR)
in negotiations on the International Treaty on Plant Genetic Resources. In the 1990s,
he headed the International Program on Plant Genetic Resources at the FAO.
He drafted and supervised negotiations of FAO’s Global Plan of Action for Plant Genetic
Resources, adopted by 150 countries in 1996. He is a past-member of the National Plant
Genetic Resources Board of the US and the Board of Trustees of the International Maize
and Wheat Improvement Center in Mexico, another Rockefeller Foundation and CGIAR project.
GCDT board member Dr. Mangala Rai of India is the Secretary of India’s Department of
Agricultural Research and Education (DARE), and Director General of the Indian Council
for Agricultural Research (ICAR). He is also a Board Member of the Rockefeller Foundation’s International Rice Research Institute (IRRI), which promoted the world’s first major GMO experiment, the much-hyped ‘Golden Rice’ which proved a failure. Rai has served as Board Member for CIMMYT
(International Maize and Wheat Improvement Center), and a Member of
the Executive Council of the CGIAR. Global Crop Diversity Trust Donors or financial angels include as well, in the words of the Humphrey Bogart Casablanca classic, ‘all the usual suspects.’ As well as the Rockefeller and Gates Foundations, the Donors include GMO giants DuPont-Pioneer Hi-Bred, Syngenta of Basle Switzerland, CGIAR and the State Department’s energetically pro-GMO agency for development aid,
to Monsanto or other GMO seed suppliers to get new seeds for rice, soybeans, corn,
wheat whatever major crops they need to feed their population. If broadly introduced
around the world, it could within perhaps a decade or so make the world’s majority of
food producers new feudal serfs in bondage to three or four giant seed companies such as Monsanto or DuPont or Dow Chemical. That, of course, could also open the door to have those private companies, perhaps under orders from their host government, Washington, deny seeds to one or another developing country whose politics happened to go against Washington’s. Those who say ‘It can’t happen here’ should look more closely at current global events. The mere existence of that concentration of power in three or four private US-based agribusiness giants is grounds for legally banning all GMO crops even were their harvest gains real, which they manifestly are not. These private companies, Monsanto, DuPont, Dow Chemical hardly have an unsullied record in terms of stewardship of human life. They developed and proliferated such innovations as dioxin, PCBs, Agent Orange. They covered up for decades clear evidence of carcinogenic and other severe human health consequences of use of the toxic chemicals. They have buried serious scientific reports that the world’s most widespread herbicide, glyphosate, the essential ingredient in Monsanto’s Roundup herbicide that is tied to purchase of most Monsanto genetically engineered seeds, is toxic when it seeps into drinking water.9 Denmark banned glyphosate in 2003 when it confirmed it has contaminated the country’s groundwater.10 The diversity stored in seed gene banks is the raw material for plant breeding and for a great deal of basic biological research. Several hundred thousand samples are distributed annually for such purposes. The UN’s FAO lists some 1400 seed banks around the world, the largest being held by the United States Government. Other large banks are held by China, Russia, Japan, India, South Korea, Germany and Canada in descending order of size. In addition, CGIAR operates a chain of seed banks in select centers around the world. CGIAR, set up in 1972 by the Rockefeller Foundation and Ford Foundation to spread their Green Revolution agribusiness model, controls most of the private seed banks from the Philippines to Syria to Kenya. In all these present seed banks hold more than six and a half million seed varieties, almost two million of which are ‘distinct. ’ Svalbard’s Doomsday Vault will have a capacity to house four and a half million different seeds. GMO as a weapon of biowarfare? Now we come to the heart of the danger and the potential for misuse inherent in
the Svalbard project of Bill Gates and the Rockefeller foundation. Can the development of patented seeds for most of the world’s major sustenance crops such as rice, corn, wheat, and feed grains such as soybeans ultimately be used in a horrible form of biological warfare? The explicit aim of the eugenics lobby funded by wealthy elite families such as Rockefeller, Carnegie, Harriman and others since the 1920’s, has embodied what they termed ‘negative eugenics,’ the systematic killing off of undesired bloodlines. Margaret Sanger, a rapid eugenicist, the founder of Planned Parenthood International and an intimate of the Rockefeller family, created something called The Negro Project in 1939, based in Harlem, which as she confided in a letter to a friend, was all about the fact that, as she put it, ‘we want to exterminate the Negro population.’ 11 A small California biotech company, Epicyte, in 2001 announced the development of genetically engineered corn which contained a spermicide which made the semen of men who ate it sterile. At the time Epicyte had a joint venture agreement to spread its technology with DuPont and Syngenta, two of the sponsors of the Svalbard Doomsday Seed Vault. Epicyte was since acquired by a North Carolina biotech company. Astonishing to learn was that Epicyte had developed its spermicidal GMO corn with research funds from the US Department of Agriculture, the same USDA which, despite worldwide opposition, continued to finance the development of Terminator technology, now held by Monsanto. In the 1990’s the UN’s World Health Organization launched a campaign to vaccinate millions of women in Nicaragua, Mexico and the Philippines between the ages of 15 and 45, allegedly against Tentanus, a sickness arising from such things as stepping on a rusty nail. The vaccine was not given to men or boys, despite the fact they are presumably equally liable to step on rusty nails as women. Because of that curious anomaly, Comite Pro Vida de Mexico, a Roman Catholic lay organization became suspicious and had vaccine samples tested. The tests revealed that the Tetanus vaccine being spread by the WHO only to
women of child-bearing age contained human Chorionic Gonadotrophin or hCG,
a natural hormone which when combined with a tetanus toxoid carrier stimulated
antibodies rendering a woman incapable of maintaining a pregnancy.
None of the women vaccinated were told. It later came out that the Rockefeller Foundation along with the Rockefeller’s Population Council, the World Bank (home to CGIAR), and the United States’ National Institutes of Health had been involved in a 20-year-long project begun in 1972 to develop the concealed abortion vaccine with a tetanus carrier for WHO. In addition, the Government of Norway, the host to the Svalbard Doomsday Seed Vault, donated $41 million to develop the special abortive Tetanus vaccine. 12 Is it a coincidence that these same organizations, from Norway to the Rockefeller Foundation to the World Bank are also involved in the Svalbard seed bank project? According to Prof. Francis Boyle who drafted the Biological Weapons Anti-Terrorism Act of 1989 enacted by the US Congress, the Pentagon is ‘now gearing up to fight and win biological warfare’ as part of two Bush national strategy directives adopted, he notes, ‘without public knowledge and review’ in 2002. Boyle adds that in 2001-2004 alone the US Federal Government spent $14.5 billion for civilian bio-warfare-related work, a staggering sum. Rutgers University biologist Richard Ebright estimates that over 300 scientific institutions and some 12,000 individuals in the USA today have access to pathogens suitable for biowarfare. Alone there are 497 US Government NIH grants for research into infectious diseases with biowarfare potential. Of course this is being justified under the rubric of defending against possible terror attack as so much is today.
of Longyearbyen. It’s almost ready for ‘business’ according to their releases.
The bank will have dual blast-proof doors with motion sensors, two airlocks,
and walls of steel-reinforced concrete one meter thick. It will contain up to
three million different varieties of seeds from the entire world, ‘so that crop diversity
can be conserved for the future,’ according to the Norwegian government.
Seeds will be specially wrapped to exclude moisture. There will be no full-time staff, but the vault's relative inaccessibility will facilitate monitoring any possible human activity. Did we miss something here? Their press release stated, ‘so that crop diversity can be conserved for the future.’ What future do the seed bank’s sponsors foresee, that would threaten the global availability of current seeds, almost all of which are already well protected in designated seed banks around the world? Anytime Bill Gates, the Rockefeller Foundation, Monsanto and Syngenta get together on a common project, it’s worth digging a bit deeper behind the rocks on Spitsbergen. When we do we find some fascinating things. The first notable point is who is sponsoring the doomsday seed vault.
Here joining the Norwegians are, as noted, the Bill & Melinda Gates Foundation; the US agribusiness giant DuPont/Pioneer Hi-Bred, one of the world’s largest owners of patented genetically-modified (GMO) plant seeds and related agrichemicals; Syngenta, the Swiss-based major GMO seed and agrichemicals company through its Syngenta Foundation; the Rockefeller Foundation, the private group who created the “gene revolution with over $100 million of seed money since the 1970’s; CGIAR, the global network created by the Rockefeller Foundation to promote its
ideal of genetic purity through agriculture change. CGIAR and ‘The Project’ As I detailled in the book, Seeds of Destruction, in 1960 the Rockefeller Foundation,
John D. Rockefeller III’s Agriculture Development Council and the Ford Foundation
joined forces to create the International Rice Research Institute (IRRI) in Los Baños, the Philippines.1 By 1971, the Rockefeller Foundation’s IRRI, along with their Mexico-based International Maize and Wheat Improvement Center and two other Rockefeller and Ford Foundation-created international research centers, the IITA for tropical agriculture, Nigeria, and IRRI for rice, Philippines, combined to
form a global Consultative Group on International Agriculture Research (CGIAR). CGIAR was shaped at a series of private conferences held at the Rockefeller Foundation’s conference center in Bellagio, Italy. Key participants at the Bellagio talks were the Rockefeller Foundation’s George Harrar, Ford Foundation’s Forrest Hill, Robert McNamara of the World Bank and Maurice Strong, the Rockefeller family’s international environmental organizer, who, as a Rockefeller Foundation Trustee, organized the UN Earth Summit in Stockholm in 1972. It was part of the foundation’s
decades long focus to turn science to the service of eugenics, a hideous version
of racial purity, what has been called The Project. To ensure maximum impact, CGIAR drew in the United Nations’ Food and Agriculture Organization, the UN Development Program and the World Bank. Thus, through a carefully-planned leverage of its initial funds, the Rockefeller Foundation by the beginning of the 1970’s was in a position to shape global agriculture policy. And shape it did. Financed by generous Rockefeller and Ford Foundation study grants, CGIAR saw to it
that leading Third World agriculture scientists and agronomists were brought to
the US to ‘master’ the concepts of modern agribusiness production, in order to
carry it back to their homeland. In the process they created an invaluable network of influence for US agribusiness promotion in those countries, most especially promotion of the GMO ‘Gene Revolution’ in developing countries, all in the name of science and efficient, free market agriculture. Genetically engineering a master race? Now the Svalbard Seed Bank begins to become interesting. But it gets better. ‘The Project’ I referred to is the project of the Rockefeller Foundation and powerful financial interests since the 1920’s to use eugenics, later renamed genetics, to justify creation of a genetically-engineered Master Race. Hitler and the Nazis called it the Ayran Master Race. The eugenics of Hitler were financed to a major extent by the same Rockefeller Foundation
which today is building a doomsday seed vault to preserve samples of every seed on
our planet. Now this is getting really intriguing. The same Rockefeller Foundation created
the pseudo-science discipline of molecular biology in their relentless pursuit of reducing
human life down to the ‘defining gene sequence’ which, they hoped, could then be modified in order to change human traits at will. Hitler’s eugenics scientists, many of whom were quietly brought to the United States after the War to continue their biological eugenics research, laid much of the groundwork of genetic engineering of various life forms, much of it supported openly until well into the Third Reich by Rockefeller Foundation generous grants.2 The same Rockefeller Foundation created the so-called Green Revolution, out of a trip to Mexico in 1946 by Nelson Rockefeller and former New Deal Secretary of Agriculture and founder of the Pioneer Hi-Bred Seed Company, Henry Wallace. The Green Revolution purported to solve the world hunger problem to a major degree
in Mexico, India and other select countries where Rockefeller worked. Rockefeller Foundation agronomist, Norman Borlaug, won a Nobel Peace Prize for his work, hardly something to boast about with the likes of Henry Kissinger sharing the same. In reality, as it years later emerged, the Green Revolution was a brilliant Rockefeller family
scheme to develop a globalized agribusiness which they then could monopolize just as
they had done in the world oil industry beginning a half century before. As Henry Kissinger declared in the 1970’s,
‘If you control the oil you control the country;
if you control food, you control the population.’ Agribusiness and the Rockefeller Green Revolution went hand-in-hand. They were part of a grand strategy which included Rockefeller Foundation financing of research for the development of genetic engineering of plants and animals a few years later. John H. Davis had been Assistant Agriculture Secretary under President Dwight Eisenhower in the early 1950’s. He left Washington in 1955 and went to the Harvard Graduate School of Business, an unusual place for an agriculture expert in those days. He had a clear strategy. In 1956, Davis wrote an article in the Harvard Business Review in which he declared that “the only way to solve the so-called farm problem once and for all, and avoid cumbersome government programs, is to progress from agriculture to agribusiness.” He knew precisely what he had in mind, though few others had a clue back then--- a revolution in agriculture production that would concentrate control of the food chain in corporate multinational hands, away from the traditional family farmer.3 A crucial aspect driving the interest of the Rockefeller Foundation and US agribusiness companies was the fact that the Green Revolution was based on proliferation of new hybrid seeds in developing markets. One vital aspect of hybrid seeds was their lack of reproductive capacity. Hybrids had a built in protection against multiplication. Unlike normal open pollinated species whose seed gave yields similar to its parents, the yield of the seed borne by hybrid plants was significantly lower than that of the first generation. That declining yield characteristic of hybrids meant farmers must normally buy seed every year in order to obtain high yields. Moreover, the lower yield of the second generation eliminated the trade in seed that was often done by seed producers without the breeder’s authorization. It prevented the redistribution of the commercial crop seed by middlemen. If the large multinational seed companies were able to control the parental seed lines in house, no competitor or farmer would be able to produce the hybrid. The global concentration of hybrid seed patents into a handful of giant seed companies, led by DuPont’s Pioneer Hi-Bred and Monsanto’s Dekalb laid the ground for the later GMO seed revolution.4 In effect, the introduction of modern American agricultural technology, chemical fertilizers and commercial hybrid seeds all made local farmers in developing countries, particularly the larger more established ones, dependent on foreign, mostly US agribusiness and petro-chemical company inputs. It was a first step in what was to be a decades-long, carefully planned process. Under the Green Revolution Agribusiness was making major inroads into markets which were previously of limited access to US exporters. The trend was later dubbed “market-oriented agriculture.” In reality it was agribusiness-controlled agriculture.
Through the Green Revolution, the Rockefeller Foundation
and later Ford Foundation worked hand-in-hand
shaping and supporting the foreign policy goals of the United States Agency for International Development (USAID) and of the CIA.
One major effect of the Green Revolution was to depopulate the countryside of peasants who were forced to flee into shantytown slums around the cities in desperate search for work. That was no accident; it was part of the plan to create cheap labor pools for forthcoming US multinational manufactures, the ‘globalization’ of recent years. When the self-promotion around the Green Revolution died down, the results were quite different from what had been promised. Problems had arisen from indiscriminate use of the new chemical pesticides, often with serious health consequences. The mono-culture cultivation of new hybrid seed varieties decreased soil fertility and yields over time. The first results were impressive: double or even triple yields for some crops such as wheat and later corn in Mexico. That soon faded. The Green Revolution was typically accompanied by large irrigation projects which often included World Bank loans to construct huge new dams, and flood previously settled areas and fertile farmland in the process. Also, super-wheat produced greater yields by saturating the soil with huge amounts of fertilizer per acre, the fertilizer being the product of nitrates and petroleum, commodities controlled by the Rockefeller-dominated Seven Sisters major oil companies. Huge quantities of herbicides and pesticides were also used, creating additional markets for the oil and chemical giants. As one analyst put it, in effect, the Green Revolution was merely a chemical revolution. At no point could developing nations pay for the huge amounts of chemical fertilizers and pesticides. They would get the credit courtesy of the World Bank and special loans by Chase Bank and other large New York banks, backed by US Government guarantees. Applied in a large number of developing countries, those loans went mostly to the large landowners. For the smaller peasants the situation worked differently. Small peasant farmers could not afford the chemical and other modern inputs and had to borrow money. Initially various government programs tried to provide some loans to farmers so that they could purchase seeds and fertilizers. Farmers who could not participate in this kind of program had to borrow from the private sector. Because of the exorbitant interest rates for informal loans, many small farmers did not even get the benefits of the initial higher yields. After harvest, they had to sell most if not all of their produce to pay off loans and interest. They became dependent on money-lenders and traders and often lost their land. Even with soft loans from government agencies, growing subsistence crops gave way to the production of cash crops.5 Since decades the same interests including the Rockefeller Foundation which backed the initial Green Revolution, have worked to promote a second ‘Gene Revolution’ as Rockefeller Foundation President Gordon Conway termed it several years ago, the spread of industrial agriculture and commercial inputs including GMO patented seeds. Gates, Rockefeller and a Green Revolution in Africa With the true background of the 1950’s Rockefeller Foundation Green Revolution clear in mind, it becomes especially curious that the same Rockefeller Foundation along with the Gates Foundation which are now investing millions of dollars in preserving every seed against a possible “doomsday” scenario are also investing millions in a project called The Alliance for a Green Revolution in Africa. AGRA, as it calls itself, is an alliance again with the same Rockefeller Foundation which created the “Gene Revolution.” A look at the AGRA Board of Directors confirms this. It includes none other than former UN Secretary General Kofi Annan as chairman. In his acceptance speech in a World Economic Forum event in Cape Town South Africa in June 2007, Kofi Annan stated, ‘I accept this challenge with gratitude to the Rockefeller Foundation, the Bill & Melinda Gates Foundation, and all others who support our African campaign.’ In addition the AGRA board numbers a South African, Strive Masiyiwa who is a Trustee of the Rockefeller Foundation. It includes Sylvia M. Mathews of the Bill & Melinda Gates Foundation; Mamphela Ramphele, former Managing Director of the World Bank (2000 – 2006); Rajiv J. Shah of the Gates Foundation; Nadya K. Shmavonian of the Rockefeller Foundation; Roy Steiner of the Gates Foundation. In addition, an Alliance for AGRA includes Gary Toenniessen the Managing Director of the Rockefeller Foundation and Akinwumi Adesina, Associate Director, Rockefeller Foundation. To fill out the lineup, the Programmes for AGRA includes Peter Matlon, Managing Director, Rockefeller Foundation; Joseph De Vries, Director of the Programme for Africa’s Seed Systems and Associate Director, Rockefeller foundation; Akinwumi Adesina, Associate Director, Rockefeller Foundation. Like the old failed Green Revolution in India and Mexico, the new Africa Green Revolution is clearly a high priority of the Rockefeller Foundation. While to date they are keeping a low profile, Monsanto and the major GMO agribusiness giants are believed at the heart of using Kofi Annan’s AGRA to spread their patented GMO seeds across Africa under the deceptive label, ‘bio-technology,’ the new euphemism for genetically engineered patented seeds. To date South Africa is the only African country permitting legal planting of GMO crops. In 2003 Burkina Faso authorized GMO trials. In 2005 Kofi Annan’s Ghana drafted bio-safety legislation and key officials expressed their intentions to pursue research into GMO crops. Africa is the next target in the US-government campaign to spread GMO worldwide. Its rich soils make it an ideal candidate. Not surprisingly many African governments suspect the worst from the GMO sponsors as a multitude of genetic engineering and biosafety projects have been initiated in Africa, with the aim of introducing GMOs into Africa’s agricultural systems. These include sponsorships offered by the US government to train African scientists in genetic engineering in the US, biosafety projects funded by the United States Agency for International Development (USAID) and the World Bank; GMO research involving African indigenous food crops. The Rockefeller Foundation has been working for years to promote, largely without success, projects to introduce GMOs into the fields of Africa. They have backed research that supports the applicability of GMO cotton in the Makhathini Flats in South Africa. Monsanto, who has a strong foothold in South Africa’s seed industry, both GMO and hybrid, has conceived of an ingenious smallholders’ programme known as the ‘Seeds of Hope’ Campaign, which is introducing a green revolution packageto small scale poor farmers, followed, of course, by Monsanto’s patented GMO seeds. 6 Syngenta AG of Switzerland, one of the ‘Four Horsemen of the GMO Apocalypse’ is pouring millions of dollars into a new greenhouse facility in Nairobi, to develop GMO insect resistant maize. Syngenta is a part of CGIAR as well.7 Move on to Svalbard Now is it simply philosophical sloppiness? What leads the Gates and Rockefeller foundations to at one and the same time to back proliferation of patented and soon-to-be Terminator patented seeds across Africa, a process which, as it has in every other place on earth, destroys the plant seed varieties as monoculture industrialized agribusiness is introduced? At the same time they invest tens of millions of dollars to preserve every seed variety
known in a bomb-proof doomsday vault near the remote Arctic Circle ‘so that crop diversity
can be conserved for the future’ to restate their official release?
It is no accident that the Rockefeller and
Gates foundations are teaming up to push
a GMO-style Green Revolution in Africa
at the same time they are quietly financing
the ‘doomsday seed vault’ on Svalbard.
The GMO agribusiness giants are up to
their ears in the Svalbard project.
Indeed, the entire Svalbard enterprise and the people involved call up the worst catastrophe images of the Michael Crichton bestseller, Andromeda Strain, a sci-fi thriller where a deadly disease of extraterrestrial origin causes rapid, fatal clotting of the blood threatening the entire human species. In Svalbard, the future world’s most secure seed repository will be guarded by the policemen of the GMO Green Revolution-- the Rockefeller and Gates Foundations, Syngenta, DuPont and CGIAR. The Svalbard project will be run by an organization called the Global Crop Diversity Trust (GCDT). Who are they to hold such an awesome trust over the planet’s entire seed varieties? The GCDT was founded by the United Nations Food and Agriculture Organisation (FAO) and Bioversity International (formerly the International Plant Genetic Research Institute), an offshoot of the CGIAR The Global Crop Diversity Trust is based in Rome. Its Board is chaired by MargaretCatley-Carlson a Canadian also on the advisory board of Group Suez Lyonnaise des Eaux,
one of the world’s largest private water companies. Catley-Carlson was also president
until 1998 of the New York-based Population Council, John D. Rockefeller’s population reduction organization, set up in 1952 to advance the Rockefeller family’s eugenics program under the cover of promoting “family planning,” birth control devices, sterilization and “population control” in developing countries. Other GCDT board members include former Bank of America executive presently
head of the Hollywood DreamWorks Animation, Lewis Coleman. Coleman is also the lead Board Director of Northrup Grumman Corporation, one of America’s largest military industry Pentagon contractors. Jorio Dauster (Brazil) is also Board Chairman of Brasil Ecodiesel. He is a former
Ambassador of Brazil to the European Union, and Chief Negotiator of Brazil’s foreign debt
for the Ministry of Finance. Dauster has also served as President of the Brazilian Coffee
Institute and as Coordinator of the Project for the Modernization of Brazil’s Patent System,
which involves legalizing patents on seeds which are genetically modified, something
until recently forbidden by Brazil’s laws.
Cary Fowler is the Trust’s Executive Director. Fowler was Professor and Director of
Research in the Department for International Environment & Development Studies
at the Norwegian University of Life Sciences. He was also a Senior Advisor to
the Director General of Bioversity International. There he represented the Future
Harvest Centres of the Consultative Group on International Agricultural Research (CGIAR)
in negotiations on the International Treaty on Plant Genetic Resources. In the 1990s,
he headed the International Program on Plant Genetic Resources at the FAO.
He drafted and supervised negotiations of FAO’s Global Plan of Action for Plant Genetic
Resources, adopted by 150 countries in 1996. He is a past-member of the National Plant
Genetic Resources Board of the US and the Board of Trustees of the International Maize
and Wheat Improvement Center in Mexico, another Rockefeller Foundation and CGIAR project.
GCDT board member Dr. Mangala Rai of India is the Secretary of India’s Department of
Agricultural Research and Education (DARE), and Director General of the Indian Council
for Agricultural Research (ICAR). He is also a Board Member of the Rockefeller Foundation’s International Rice Research Institute (IRRI), which promoted the world’s first major GMO experiment, the much-hyped ‘Golden Rice’ which proved a failure. Rai has served as Board Member for CIMMYT
(International Maize and Wheat Improvement Center), and a Member of
the Executive Council of the CGIAR. Global Crop Diversity Trust Donors or financial angels include as well, in the words of the Humphrey Bogart Casablanca classic, ‘all the usual suspects.’ As well as the Rockefeller and Gates Foundations, the Donors include GMO giants DuPont-Pioneer Hi-Bred, Syngenta of Basle Switzerland, CGIAR and the State Department’s energetically pro-GMO agency for development aid,
USAID. Indeed it seems we have the GMO
and population reduction foxes guarding the hen-house of mankind, the global seed diversity store in Svalbard. 8 Why now Svalbard? We can legitimately ask why Bill Gates and the Rockefeller Foundation along with the major genetic engineering agribusiness giants such as DuPont and Syngenta, along with CGIAR are building the Doomsday Seed Vault in the Arctic. Who uses such a seed bank in the first place? Plant breeders and researchers are the major users of gene banks. Today’s largest plant breeders are
Monsanto, DuPont, Syngenta and Dow Chemical,
the global plant-patenting GMO giants. Since early in 2007 Monsanto holds world patent rights together with the United States Government for plant so-called ‘Terminator’ or Genetic Use Restriction Technology (GURT). Terminator is an ominous technology by which a patented commercial seed commits ‘suicide’ after one harvest. Control by private seed companies is total. Such control and power over the food chain has never before in the history of mankind existed. This clever genetically engineered terminator trait forces farmers to return every year to Monsanto or other GMO seed suppliers to get new seeds for rice, soybeans, corn,
wheat whatever major crops they need to feed their population. If broadly introduced
around the world, it could within perhaps a decade or so make the world’s majority of
food producers new feudal serfs in bondage to three or four giant seed companies such as Monsanto or DuPont or Dow Chemical. That, of course, could also open the door to have those private companies, perhaps under orders from their host government, Washington, deny seeds to one or another developing country whose politics happened to go against Washington’s. Those who say ‘It can’t happen here’ should look more closely at current global events. The mere existence of that concentration of power in three or four private US-based agribusiness giants is grounds for legally banning all GMO crops even were their harvest gains real, which they manifestly are not. These private companies, Monsanto, DuPont, Dow Chemical hardly have an unsullied record in terms of stewardship of human life. They developed and proliferated such innovations as dioxin, PCBs, Agent Orange. They covered up for decades clear evidence of carcinogenic and other severe human health consequences of use of the toxic chemicals. They have buried serious scientific reports that the world’s most widespread herbicide, glyphosate, the essential ingredient in Monsanto’s Roundup herbicide that is tied to purchase of most Monsanto genetically engineered seeds, is toxic when it seeps into drinking water.9 Denmark banned glyphosate in 2003 when it confirmed it has contaminated the country’s groundwater.10 The diversity stored in seed gene banks is the raw material for plant breeding and for a great deal of basic biological research. Several hundred thousand samples are distributed annually for such purposes. The UN’s FAO lists some 1400 seed banks around the world, the largest being held by the United States Government. Other large banks are held by China, Russia, Japan, India, South Korea, Germany and Canada in descending order of size. In addition, CGIAR operates a chain of seed banks in select centers around the world. CGIAR, set up in 1972 by the Rockefeller Foundation and Ford Foundation to spread their Green Revolution agribusiness model, controls most of the private seed banks from the Philippines to Syria to Kenya. In all these present seed banks hold more than six and a half million seed varieties, almost two million of which are ‘distinct. ’ Svalbard’s Doomsday Vault will have a capacity to house four and a half million different seeds. GMO as a weapon of biowarfare? Now we come to the heart of the danger and the potential for misuse inherent in
the Svalbard project of Bill Gates and the Rockefeller foundation. Can the development of patented seeds for most of the world’s major sustenance crops such as rice, corn, wheat, and feed grains such as soybeans ultimately be used in a horrible form of biological warfare? The explicit aim of the eugenics lobby funded by wealthy elite families such as Rockefeller, Carnegie, Harriman and others since the 1920’s, has embodied what they termed ‘negative eugenics,’ the systematic killing off of undesired bloodlines. Margaret Sanger, a rapid eugenicist, the founder of Planned Parenthood International and an intimate of the Rockefeller family, created something called The Negro Project in 1939, based in Harlem, which as she confided in a letter to a friend, was all about the fact that, as she put it, ‘we want to exterminate the Negro population.’ 11 A small California biotech company, Epicyte, in 2001 announced the development of genetically engineered corn which contained a spermicide which made the semen of men who ate it sterile. At the time Epicyte had a joint venture agreement to spread its technology with DuPont and Syngenta, two of the sponsors of the Svalbard Doomsday Seed Vault. Epicyte was since acquired by a North Carolina biotech company. Astonishing to learn was that Epicyte had developed its spermicidal GMO corn with research funds from the US Department of Agriculture, the same USDA which, despite worldwide opposition, continued to finance the development of Terminator technology, now held by Monsanto. In the 1990’s the UN’s World Health Organization launched a campaign to vaccinate millions of women in Nicaragua, Mexico and the Philippines between the ages of 15 and 45, allegedly against Tentanus, a sickness arising from such things as stepping on a rusty nail. The vaccine was not given to men or boys, despite the fact they are presumably equally liable to step on rusty nails as women. Because of that curious anomaly, Comite Pro Vida de Mexico, a Roman Catholic lay organization became suspicious and had vaccine samples tested. The tests revealed that the Tetanus vaccine being spread by the WHO only to
women of child-bearing age contained human Chorionic Gonadotrophin or hCG,
a natural hormone which when combined with a tetanus toxoid carrier stimulated
antibodies rendering a woman incapable of maintaining a pregnancy.
None of the women vaccinated were told. It later came out that the Rockefeller Foundation along with the Rockefeller’s Population Council, the World Bank (home to CGIAR), and the United States’ National Institutes of Health had been involved in a 20-year-long project begun in 1972 to develop the concealed abortion vaccine with a tetanus carrier for WHO. In addition, the Government of Norway, the host to the Svalbard Doomsday Seed Vault, donated $41 million to develop the special abortive Tetanus vaccine. 12 Is it a coincidence that these same organizations, from Norway to the Rockefeller Foundation to the World Bank are also involved in the Svalbard seed bank project? According to Prof. Francis Boyle who drafted the Biological Weapons Anti-Terrorism Act of 1989 enacted by the US Congress, the Pentagon is ‘now gearing up to fight and win biological warfare’ as part of two Bush national strategy directives adopted, he notes, ‘without public knowledge and review’ in 2002. Boyle adds that in 2001-2004 alone the US Federal Government spent $14.5 billion for civilian bio-warfare-related work, a staggering sum. Rutgers University biologist Richard Ebright estimates that over 300 scientific institutions and some 12,000 individuals in the USA today have access to pathogens suitable for biowarfare. Alone there are 497 US Government NIH grants for research into infectious diseases with biowarfare potential. Of course this is being justified under the rubric of defending against possible terror attack as so much is today.
Many of the US Government dollars spent on biowarfare research involve genetic engineering. MIT biology professor Jonathan King says that the ‘growing bio-terror programs represent a significant emerging danger to our own population.’ King adds, ‘while such programs are always called defensive, with biological weapons, defensive and offensive programs overlap almost completely.’ 13
Time will tell whether, God Forbid, the Svalbard Doomsday Seed Bank of Bill Gates and the Rockefeller Foundation is part of another Final Solution, this involving the extinction of the Late, Great Planet Earth.
Illuminati Game Card - Japan 2011 Combined Disasters
'The Art of War' author Sun Tuz's Strategic Quotes Suitable for a New World Order Uploaded by ChaosButterfly8 on Aug 20, 2010"The quality of decision is like the well -timed swoop of a falcon which enables it
to strike and destroy its victim. -Let your plans be dark and as impenetrable as night, and when you move, fall like a thunderbolt. ... -All warfare is based on deception. Hence, when we are able to attack,
we must seem unable;
when using our forces,
we must appear inactive;
when we are near,
we must make the enemy believe
we are far away;
when far away,
we must make him believe we are near. -Appear at places which the enemy must hasten to defend, march swiftly to places where you are not expected. - A military operation involves deception. Even though you are competent, appear to be incompetent. Though effective, appear to be ineffective. -When capable, feign incapacity; when active, inactivity. - The general who wins the battle makes many calculations in his temple before the battle is fought. The general who loses makes but few calculations beforehand. - Therefore the skillful leader subdues the enemy's troops without any fighting; he captures their cities without laying siege to them; he overthrows their kingdom without lengthy operations in the field. - For to win one hundred victories in one hundred battles is not the acme of skill. -To subdue the enemy without fighting is the acme of skill. - Opportunities multiply as they are seized. - If the enemy leaves the door open, you must rush in.- Pretend inferiority and encourage his arrogance. -Supreme excellence consists in breaking the enemy's resistance without fighting. - Take advantage of the enemy's unpreparedness; travel by unexpected routes and strike him where he has taken no precautions. - It is only the enlightened ruler and the wise general who will use the highest intelligence of the army for the purposes of spying, and thereby they achieve great results. - Of all those in the army close to the commander none is more intimate than the secret agent; of all rewards none more liberal than those given to secret agents; of all matters none is more confidential than those relating to secret operations. -The ultimate in disposing one's troops is to be without ascertainable shape. Then the most penetrating spies cannot pry in nor can the wise lay plans against you. -The skillful employer of men will employ the wise man, the brave man, the covetous man, and the stupid man. -To fight and conquer in all our battles is not supreme excellence; supreme excellence consists in breaking the enemy's resistance without fighting. -Engage people with what they expect; it is what they are able to discern and confirms their projections. It settles them into predictable patterns of response, occupying their minds while you wait for the extraordinary moment ,that which they cannot anticipate. -The best victory is when the opponent surrenders of its own accord before there are any actual hostilities - All men can see these tactics whereby I conquer, but what none can see is the strategy out of which victory is evolved. -This is Chaos Butterfly 8. Thank you. 人皆知我所以勝之形,而莫知我所以制勝之形。兵者, 詭道也。故能而示之不能,用而示之不用, 近而示之遠,遠而示之近, Machiavellian Strategic Quotes Suitable for a New World Order The Twins Jude and Peter - Jude
we must seem unable;
when using our forces,
we must appear inactive;
when we are near,
we must make the enemy believe
we are far away;
when far away,
we must make him believe we are near. -Appear at places which the enemy must hasten to defend, march swiftly to places where you are not expected. - A military operation involves deception. Even though you are competent, appear to be incompetent. Though effective, appear to be ineffective. -When capable, feign incapacity; when active, inactivity. - The general who wins the battle makes many calculations in his temple before the battle is fought. The general who loses makes but few calculations beforehand. - Therefore the skillful leader subdues the enemy's troops without any fighting; he captures their cities without laying siege to them; he overthrows their kingdom without lengthy operations in the field. - For to win one hundred victories in one hundred battles is not the acme of skill. -To subdue the enemy without fighting is the acme of skill. - Opportunities multiply as they are seized. - If the enemy leaves the door open, you must rush in.- Pretend inferiority and encourage his arrogance. -Supreme excellence consists in breaking the enemy's resistance without fighting. - Take advantage of the enemy's unpreparedness; travel by unexpected routes and strike him where he has taken no precautions. - It is only the enlightened ruler and the wise general who will use the highest intelligence of the army for the purposes of spying, and thereby they achieve great results. - Of all those in the army close to the commander none is more intimate than the secret agent; of all rewards none more liberal than those given to secret agents; of all matters none is more confidential than those relating to secret operations. -The ultimate in disposing one's troops is to be without ascertainable shape. Then the most penetrating spies cannot pry in nor can the wise lay plans against you. -The skillful employer of men will employ the wise man, the brave man, the covetous man, and the stupid man. -To fight and conquer in all our battles is not supreme excellence; supreme excellence consists in breaking the enemy's resistance without fighting. -Engage people with what they expect; it is what they are able to discern and confirms their projections. It settles them into predictable patterns of response, occupying their minds while you wait for the extraordinary moment ,that which they cannot anticipate. -The best victory is when the opponent surrenders of its own accord before there are any actual hostilities - All men can see these tactics whereby I conquer, but what none can see is the strategy out of which victory is evolved. -This is Chaos Butterfly 8. Thank you. 人皆知我所以勝之形,而莫知我所以制勝之形。兵者, 詭道也。故能而示之不能,用而示之不用, 近而示之遠,遠而示之近, Machiavellian Strategic Quotes Suitable for a New World Order The Twins Jude and Peter - Jude
Manipulated Conflict: 'NATO attacks their own dictators'
Chossudovsky: New deadly war theater opened in LibyaUploaded by RussiaToday on Mar 19, 2011
Follow latest updates at http://twitter.com/rt_com and http://www.facebook.com/RTnewsSo a multi-national force has carried out a series of attacks
against targets around the Libyan city of Benghazi.
French fighter jets destroyed several armoured vehicles and tanks
belonging to Colonel Ghaddafi's troops. It was joined by
the U.S. military that struck against Libya's air defences,
using cruise missiles. UK forces are also in action over Libya.
These are the first raids since
the UN Security Council adopted
a resolution allowing the use of
"all the means necessary" to
protect the civilian population in Libya.
FREEDOM FROM WAR THE UNITED STATES PROGRAM FOR GENERAL AND COMPLETE DISARMAMENT IN A PEACEFUL WORLD SUMMARY DISARMAMENT GOAL AND OBJECTIVES The establishment and effective operation of
an International Disarmament Organization
within the framework of the United Nations
to insure compliance at all times with all disarmament obligations.
Earlier, troops loyal to Colonel Ghaddafi reportedly
carried out attacks on Benghazi,
which is the rebel stronghold, violating a ceasefire.
RT talks to Michel Chossudovsky,
who's director of the Centre for Research on Globalisation
'Foreign crusade against Libya will make Gaddafi a hero'
Gargoyles at Notre Dame cathedral in Paris (Photos)
Written by ultrafeel on Sep-5-08 3:13pmhttp://en.wikipedia.org/wi ki/I_Don%27t_Want_to_Miss_ a_Thing The video begins with shots of the moon and several meteorites passing by
and then a view of earth before zooming in to show Steven Tyler singing.
The shots interchange between the ...band and Mission Control viewing
the band singing via their monitors. As the video progresses it reveals that
the band is playing in front of what appears to be the fictional
Space Shuttle Freedom.
Along with Aerosmith, a full hand orchestra plays in sync with the melody.
Smoke surrounds the orchestra and Aerosmith as Freedom takes off
from the launch pad. Finally, the screen goes out as a tearful Grace
touches one of the monitors to reach out to her father
(real life father Steven Tyler in the video; on-screen father Harry Stamper,
played by Bruce Willis, in the film).
Freedom 1987
Credit: NASA via Marcus Lindroos
Space shuttle x-71 Freedom | |
Category | Modern Airplanes |
ID | Modern Sa-St |
Date added | November 30th, 2008 |
Width x height | 850 x 864 px |
Hits | 11917 (14.7 / day) |
Source | Dr Dan Saranga |
http://www.thelivingmoon.com/45jack_files/03files/Space_Station_Freedom_001.html http://www.infiniteunknown.net/tag/nasa/ http://www.infiniteunknown.net/2010/03/14/nasa-scientists-search-for-nemesis-nibiru-planet-x-an-invisible-death-star-that-circles-the-sun/
NASA scientists are searching for an invisible ‘Death Star’ that circles the Sun, which catapults potentially catastrophic comets at the Earth.
This diagram shows a brown dwarf in relation to Earth, Jupiter,
a low-mass star and the sun. Photo: NASA
The bombardment of icy missiles is being blamed by some scientists for mass extinctions of life that they say happen every 26 million years. Nemesis is predicted to lie at a distance equal to 25,000 times that of the Earth from the Sun, or a third of a light-year. Astronomers believe it is of a type called a red or brown dwarf – a “failed star” that has not managed to generate enough energy to burn like the Sun. But it should be detectable by a heat-sensitive space telescope called WISE, the Wide-Field Infrared Survey Explorer. Launched last year, WISE began surveying the skies in January. It is expected to discover a 1000 brown dwarfs within 25 light-years of the Sun – right on our cosmic doorstep – before its coolant runs out in October. The nearest normal star to us is around 4.5 light-year away. Our solar system is thought to be surrounded by a vast sphere of icy bodies, twice as far away as Nemesis, called the Oort Cloud. Some get kicked in towards the planets as comets – giant snowballs of ice, dust and rock – and the suggestion is that the Death Star’s gravitational influence is to blame. The paleontologists David Raup and Jack Sepkoski discovered that, over the last 250 million years, life on Earth has been devastated on a 26-million-year cycle. Comet impacts are suggested as a likely cause for these catastrophes. A similar impact by an asteroid wiped out the dinosaurs 65 million years ago, a major inquest by scientists concluded last week, though that is not being blamed on Nemesis. Most stars have one or more companion stars orbiting around each other, which would make the sun’s single status unusual. A major clue to Nemesis’s existence is a mysterious dwarf planet called Sedna that was spotted on an elongated 12,000-year-long orbit around the sun. Mike Brown, who discovered Sedna in 2003, said: “Sedna is a very odd object – it shouldn’t be there! It never comes anywhere close to any of the giant planets or the sun. It’s way, way out there on this incredibly eccentric orbit. The only way to get on an eccentric orbit is to have some giant body kick you – so what is out there?” Professor John Matese, of the University of Louisiana at Lafayette, says most comets in the inner solar system seem to come from the same region of the Oort Cloud – launched by the pull of a companion star to the sun that scatters comets in its wake. He suggests it is up to five times the size of Jupiter or 7,000 times the size of Earth. He said: “There is statistically significant evidence that this concentration of comets could be caused by a companion to the Sun.” By Richard Alleyne, Science Correspondent Published: 8:00AM GMT 13 Mar 2010 http://www.telegraph.co.uk/science/space/7429335/Search-on-for-Death-Star-that-throws-out-deadly-comets.html http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:pZ9Wz5E4n2MJ:www.justsixdays.co.uk/j6db4/2010/06/22/telegraph-science-correspondent-doesnt-understand-science/+Richard+Alleyne,+Science+Correspondent&cd=22&hl=th&ct=clnk&gl=th&client=firefox-a&source=www.google.co.th http://www.theweeklyconstitutional.com/news/we-cant-explain-it/442-nasa-seeking-nemesis http://astrobiology.nasa.gov/articles/getting-wise-about-nemesis/ http://imagine.gsfc.nasa.gov/docs/ask_astro/answers/961130b1.html http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t1242-25.htm
http://www.nasa.gov/mission_pages/SOFIA/index.html SOFIA Observatory Completes Open-Door Flight Tests NASA's SOFIA observatory with a NASA F/A-18 trailing in chase soars over California City in the desert north of Edwards Air Force Base, Calif., on its last envelope-expansion test flight Aug. 4. The SOFIA's 2.5-meter infrared telescope and its associated telescope cavity doors are rotated open to their maximum 58-degree position in this view. (NASA photo / Carla Thomas) NASA's Stratospheric Observatory for Infrared Astronomy has completed the second segment of flight tests with its telescope door open to prepare the observatory for early science missions, expected to begin late this year. The highly modified SOFIA 747SP aircraft now has a telescope cavity door-open flight envelope fully cleared for astronomical science missions at up to 45,000 feet altitude and all observing elevations. Why Can't We Spot Nibiru Using Conventional Telescope? Brown Dwarfs are extremely common in our galaxy, the two officially closest ones to us are only 19 light years away. However, their existence was only confirmed VERY recently. "For many years, efforts to discover brown dwarfs were frustrating and searches to find them seemed fruitless. In 1988, however, University of California, Los Angeles professors Eric Becklin and Ben Zuckerman identified a faint companion to GD 165 in an infrared search of white dwarfs." This is because Brown Dwarfs are only visible in the infrared spectrum: Where can I purchase an infrared telescope for backyard use? You can't. Most infrared light from celestial sources is absorbed by the Earth's atmosphere. Only a narrow window of near-infrared radiation (at wavelengths less than about 4 microns) reaches the Earth. Observations at these wavelengths requires that the infrared camera be cooled to hundreds of degrees below zero using a cryogen (such as liquid helium) and requires special solid-state infrared detectors (costing tens of thousands of dollars). Hence, it is impractical to consider a true infrared telescope for personal use. So if Nibiru existed and was a Brown Dwarf, it would be extremely difficult for anything earth-based to detect it. So, what about infrared telescopes in space? Well, there were only 3 such telescopes ever built: Which infrared observatories are currently operating in space? There presently is no space-borne observatory capable of observing thermal infrared light from celestial objects. The Hubble Space Telescope (HST) carries an infrared instrument called NICMOS that can observe in certain near-infrared wavelengths, but not at mid-infrared or far-infrared wavelengths. The first space-borne infrared telescope was the Infrared Astronomical Satellite (IRAS), a collaborative effort of the US, UK, and the Netherlands. IRAS orbited the Earth for 10 months in 1983, and the mission ended when its onboard cryogen (refrigerant) was exhausted. A second-generation astronomical observatory, with much greater capabilities, was the Infrared Space Observatory (ISO). This European Space Agency satellite orbited the Earth from late 1995 through early 1998. The latest major infrared observatory launched into space will is the Spitzer Space Telescope, a NASA mission which was launched in August 2003. SIRTF was launched into an Earth-trailing solar orbit, and will operate for 5 years or more. So if Nibiru existed, those missions would have seen it like a second sun in the night sky. Only a complete cover-up of the images could hide something so colossal... Now that you know all this, watch this video: Where can I purchase an infrared telescope for backyard use? You can't. Most infrared light from celestial sources is absorbed by the Earth's atmosphere. Only a narrow window of near-infrared radiation (at wavelengths less than about 4 microns) reaches the Earth. Observations at these wavelengths requires that the infrared camera be cooled to hundreds of degrees below zero using a cryogen (such as liquid helium) and requires special solid-state infrared detectors (costing tens of thousands of dollars). Hence, it is impractical to consider a true infrared telescope for personal use. Why can't I use commercially available infrared film to photograph astronomical objects with an amateur telescope? You can! But be aware that this film is responsive to near-infrared light that is just beyond the red end of the visible-light spectrum (around 1 micron). At this wavelength, you would essentially be photographing very long-wavelength visible light, and astronomical phenomena would appear to differ only slightly from the more accustomed optical photos. To really measure the thermal emission that characterizes most infrared radiation, you need to observe at wavelengths of longer than about 5 microns -- and that is not easily practical from the ground. Which astronomical observatories are capable of observing in the narrow sliver of near-infrared light that is accessible from the ground? In theory, any ground-based telescope located on a high mountain and in a very dry climate can observe the cosmos at near-infrared wavelengths. Many of the large optical observatories located around the world are also able to conduct some near-infrared measurements using special refrigerated science instruments. Is it true that infrared astronomy can be done from airplanes? Yes. By getting above most of the Earth's obscuring atmosphere, it is possible to conduct infrared astronomical observations from airborne telescopes. However, these airplanes must fly at altitudes above 12-13 kilometers (40,000 feet), or somewhat higher than most commercial flights. Early infrared observations were conducted with a small telescope aboard a Learjet in the early 1970s. The Kuiper Airborne Observatory (KAO) was a dedicated Lockheed C-141 airplane with a 1-meter diameter telescope, and was used for more than 20 years until it was retired in 1995. The next-generation airborne infrared observatory, the Stratospheric Observatory For Infrared Astronomy (SOFIA), will feature a 2.5-meter telescope mounted on a dedicated Boeing 747 airplane. SOFIA is currently under development and will make its inaugural flight in 2004.
If infrared astronomy can be done from airplanes, why do we build space-borne infrared satellites? High-flying airborne observatories can get above 85 percent of the Earth's atmosphere (and above 99 percent of its water vapor, which absorbs infrared light). But the best "seeing" is still in the near-vacuum of space. Moreover, airborne observatories are suitable for conducting observations of a particular target for limited periods of time. But to survey the entire sky at infrared wavelengths, or to carry out any large observing program, requires a space-borne satellite that can point most anywhere in the sky and observe 24 hours a day. Which infrared observatories are currently operating in space? There presently is no space-borne observatory capable of observing thermal infrared light from celestial objects. The Hubble Space Telescope (HST) carries an infrared instrument called NICMOS that can observe in certain near-infrared wavelengths, but not at mid-infrared or far-infrared wavelengths. The first space-borne infrared telescope was the Infrared Astronomical Satellite (IRAS), a collaborative effort of the US, UK, and the Netherlands. IRAS orbited the Earth for 10 months in 1983, and the mission ended when its onboard cryogen (refrigerant) was exhausted. A second-generation astronomical observatory, with much greater capabilities, was the Infrared Space Observatory (ISO). This European Space Agency satellite orbited the Earth from late 1995 through early 1998. The latest major infrared observatory launched into space will is the Spitzer Space Telescope, a NASA mission which was launched in August 2003. SIRTF was launched into an Earth-trailing solar orbit, and will operate for 5 years or more. Have any other infrared telescopes been used in space? Yes, two other small IR telescopes have recently flown in space (neither is operating anymore). The InfraRed Telescope in Space (IRTS) was a small 15-centimeter infrared telescope developed by the Institute for Space and Astronautical Science in Japan. It was launched into space in early 1995 and operated for 3 weeks. IRTS was eventually retrieved by a subsequent Space Shuttle flight and returned to earth. The Mid-course Space Experiment (MSX) was a military satellite that included an infrared science instrument called SPIRIT-III. It was launched into space in 1996 and operated for about 10 months. While this telescope was routinely used for military surveillance purposes, a substantial amount of observing time was devoted to astronomical observations, primarily of the Galactic plane. A small NASA mission, the Wide-field InfraRed Explorer (WIRE), was launched in early 1999. It carried a 30-cm diameter cooled infrared telescope and was scheduled to observe distant galaxies during its four-month mission. Unfortunately, the telescope cover prematurely ejected, and bright sunlight entered the telescope. This caused the onboard refrigerant to vaporize at an accelerated rate as it attempted to keep the telescope cold, and was exhausted before any useful infrared observations could be obtained. One clever astronomer has been able to use the star trackers on WIRE to conduct an ingenious experiment involving starquakes. For details, see the CNN story at http://www.cnn.com/TECH/space/9908/04/space.salvage/. Are electronic infrared detectors similar to the devices used in military applications? Yes. In fact, much of the technological advances in mid-infrared detectors is the result of military research, and modifications by university-based and NASA scientists of use in astronomical applications. Like the night-vision goggles used in the military, astronomical IR detectors also measure heat but from very distant sources! At short infrared wavelengths, it is possible to build arrays of infrared detectors that can produce images much as a CCD yields optical light pictures. At longer infrared wavelengths, much of the detector advancements have had to be built by researchers from scratch. Astronomers are only beginning to construct small arrays of detectors at these long wavelengths, and the fabrication of these devices still requires the skills and patience of a craftsman. Where are the largest infrared telecopes? The largest infrared telescopes are on Mauna Kea in Hawaii at an elevation of about 14,000 feet. It is well above much of the water vapor that absorbs infrared making it a great ground based infrared site.
http://khunnamob.hostignition.com/backup/nonlaw/nonlaw.7forum.net/forum-f7/topic-t834-75.htm The star, also known as Nemesis, is five times the size of Jupiter and could be to blame for the impact that wiped out the dinosaurs 65 million years ago.
Bad Request
ตอบลบError 400
I CANN'T EDIT&SAVE THIS POST AGAIN.
ตอบลบMAYBE... THEY'VE BEEN CLOSE THIS POST FOREVER!
SORRY, IF YOU READ IT MORE DIFFICULT.